Skip to content

พรณาวรรณ บุญติ๊ด (ส้ม)

ครอบครัวของน้องส้มอาศัยอยู่ด้วยกัน 6 คน ประกอบไปด้วย ตา ยาย ลุง ที่พิการ แม่ และน้อง พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่น้องส้มอายุได้ 2 ขวบ โดยมียาย และป้าเป็นคนเลี้ยงดูส่วนแม่ไปทำงานที่กรุงเทพ

นันธิวา แสงหิ่งห้อย (มิ้น)

น้องมิ้นเป็นเด็กเรียนดี ประพฤติดี มีความกตัญญู เธอและครอบครัวพักอาศัยอยู่ในเขตวัดเทวราชกุญชร กรุงเทพฯ บ้านอยู่ติดรั้ววัดเลยอยู่มาตั้งแต่เกิด ครอบครัวมีด้วยกัน 8 คน มีพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตัวเธอ และน้องอีก 3 คน คนที่เป็นเสาหลักในการหารายได้ให้ครอบครัวจะเป็นพ่อกับย่า

นรากร ชูรัตน์ (ฟิล์ม)

น้องฟิล์มเกิดและเติบโตมาในชนบท ครอบครัวเล็ก ๆ ที่แสนจะอบอุ่น มีพ่อแม่และน้องสาว อาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านเดี่ยวสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ รายได้หลักของครอบครัวมาจากการขายส้มตำของแม่​ และงานรับจ้างทั่วไปของพ่อซึ่งไม่ใช่งานประจำ รายได้ไม่แน่นอน​ เมื่อมีคนว่าจ้างพ่อจึงไปทำงาน​ วันไหนไม่มีงาน พ่อก็ช่วยทำงานที่บ้าน​ ครอบครัวเรายังมีรายได้อีกทางหนึ่งจากการขายข้าวเปลือกที่เหลือจากเก็บไว้กินตลอดทั้งปีแล้ว

ไอน้ำ พรหมเมือง (ผึ้ง)

ครอบครัวของผึ้งมีด้วยกัน 4 คน มีพ่อ แม่ ผึ้ง และ พี่สาว ซึ่งพี่สาวตอนนี้พี่ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด ที่บ้านจึงเหลือกันอยู่เพียง 3 คน พ่อทำงานเป็นลูกจ้างโรงงานขายหมู มีหน้าที่ต้องเอาหมูไปตั้งแผงขายที่ตลาดในจ.นนทบุรีทุกวัน ตั้งแต่ตี 3-5 โมงเย็น ส่วนแม่ ทำงานชำแหละหมูในโรงงานเหมือนกัน ต้องออกไปทำงานตั้งแต่ 6 โมงถึง 2 ทุ่ม รายได้ไม่มากนัก

อัชรา สิงหชัย (อั้ม)

น้องอั้มเกิดและเติบโตในจังหวัดสุพรรณบุรี ปัจจุบันในครอบครัวอยู่ด้วยกัน 3 คน มีพ่อแม่และอั้ม พ่อและแม่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ใครจ้างทำอะไรก็ทำหมด ขอแค่ให้ได้เงินและเป็นงานสุจริต เช่น ถางหญ้าในไร่อ้อย ฉีดยาฆ่าหญ้า ปลูกมัน เก็บสายน้ำหยด มีรายได้ตกวันละ 300 บาท แต่ถ้าหน้าอ้อยก็จะรับตัดอ้อยเป็นงานหลัก

กฤษตนัย มั่นคง (เก่ง)

ในครอบครัวของเก่งอยู่ด้วยกัน 4 คน มีพ่อ แม่ น้องชายและเก่ง ปัจจุบันครอบครัวเก่งต้องพักอาศัยร่วมกันในบ้านเช่าหลังเล็ก ๆ ที่ จ.สุพรรณบุรี เพราะตั้งแต่สมัยอาศัยอยู่เมืองกาญฯ จนย้ายมา ครอบครัวเก่งยังไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองเลย พ่อของเก่งมีอาชีพเป็นช่างซ่อมรถ รับซ่อมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรับซ่อมเครื่องมือทำสวน เช่น เครื่องตัดหญ้า เครื่องพ่นยา รายได้ครั้งละ 200-500 บาท แต่ก็ไม่ได้มีลูกค้ามาให้ซ่อมทุกวัน รายได้จึงไม่แน่นอน

กณพัฒน์ แบบทอง​ (ติวเตอร์)

ปัจจุบันติวเตอร์อาศัยอยู่กับยาย น้า และพี่ชาย ในจังหวัดยโสธร ครอบครัวอยู่กันอย่างพอเพียง ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นจึงไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน ยายทำอาชีพเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง เวลาวันหยุดจะไปช่วยยายขายของโดยมีหน้าที่จัดร้าน ช่วยผัดอาหารบ้าง และลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว นอกจากงานค้าขาย ยายยังทำการเกษตรเลี้ยงวัวและปลูกผักสวนครัวเอาไว้ขายอีกด้วย
tangthai

เวสารัช คุณุรัตน์ (แตงไท)

แตงไทเป็นลูกคนเดียว ครอบครัวยากจนประกอบอาชีพค้าขาย พ่อกับแม่ทำงานหนักมาโดยตลอดตั้งแต่แตงไทจำความได้ ทั้งหาเงินใช้หนี้ หาเงินมาเป็นทุนในการขายของ ใช้จ่ายในบ้าน และค่าเล่าเรียนของแตงไท ตอนแรกครอบครัวยังสามารถประคับประคองกันมาได้เรื่อย ๆ แต่พอพ่อป่วย แม่ต้องขายของคนเดียว และยังต้องไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาลด้วย เวลาพ่อไปนอนโรงพยาบาลแต่ละครั้งใช้เวลานานเป็นอาทิตย์ ทำให้ครอบครัวขาดรายได้

กานต์ธิดา เนี่ยงน้อย (ขิม)

ครอบครัวของขิมเป็นครอบครัวเล็ก ๆ อยู่ด้วยกัน 3 คน มีขิม มีปู่อายุ 76 ปี และย่าอายุ 67 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคนิ่วในกรวยไต เวลาอาการกำเริบ จะทรมานมาก พ่อเสียไปตั้งแต่ตอนขิมอายุได้ 4 เดือน ต่อมาแม่ย้ายออกไปมีครอบครัวใหม่ ทำให้ขิมอยู่ในการเลี้ยงดูของปู่กับย่า ซึ่งทั้งสองคนทำอาชีพรับจ้างทั่วไป ใครว่าจ้างอะไรก็ทำหมด ขอให้เป็นงานสุจริตก็พอ หวังเพียงนำเงินมาใช้จ่ายประคับประคองทั้ง 3 ชีวิต ให้อยู่รอด

ชาคริต เงินพันธ์ (ไบรท์)

ไบรท์ คนหนุ่ม อายุ 31 ปี ได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาจากมูลนิธิเอสซีจี ในสาขาผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งเป็นทุนการศึกษาระยะสั้นที่มูลนิธิฯ ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้คนได้มีโอกาสเรียนในสาขาที่ตลาดแรงงานต้องการ จบมาสามารถทำงานได้เลย ไบร์ทพื้นเพเป็นคนเชียงราย แต่ตัดสินใจเลือกเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาผ่านการเรียน กศน. ที่กรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้มีเวลาทำงานพิเศษช่วยที่บ้าน