เพราะผมเรียนด้านสาธารณสุข จึงได้มีโอกาสได้ทำโครงการดูแลผู้สูงอายุที่อาศัยใกล้กับวิทยาลัย และนั้นทำให้ผมได้รู้จักกับคุณยายท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง และเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ อาการไม่ค่อยดี ทานอาหารได้น้อย พูดน้อย ผมจึงอาสาดูแลท่าน
ผมเป็นลูกชายคนโต และมีน้องสาวอยู่ 1 คน พ่อแม่แยกทางกัน น้องอยู่กับแม่ ส่วนผมอาศัยอยู่กับพ่อและญาติ พ่อผมเป็นคนพิการได้รับเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท นั่นจึงทำให้ผมเริ่มทำงานหาเงินตั้งแต่เรียน ม.ต้น และทำเรื่อยมาจนกระทั่งเห็นประกาศรับสมัครงานเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์
น้องบัว เด็กสาวหัวใจแกร่ง อายุ 17 ปี ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พื้นเพเป็นคนจังหวัดอ่างทอง พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่น้องอายุได้ 3 ขวบ น้องบัวถูกเลี้ยงดูมาโดยคุณยายตั้งแต่เล็ก ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอดจึงติดตามยายมาทำงานที่ร้านอาหารที่จังหวัดสุพรรณบุรีตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ชั้นป.6
ชีวิตหนูก็เหมือนชีวิตของเด็กปกติทั่วไป แต่อาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบเพราะตอนนี้หนูอาศัยอยู่กับแม่แล้วก็น้องชาย เมื่อก่อนครอบครัวหนูอยู่กับครบ แต่พ่อกับแม่มักจะมีปัญหาที่ขัดแย้งกันตลอดจนสุดท้ายพ่อกับแม่ก็เลิกกัน แม่ไปอยู่ต่างจังหวัดส่วนหนูและน้องอยู่กับพ่อช่วงนั้นการเงินของทางบ้านไม่ค่อยจะดี ทำให้มีปัญหาต่างๆตามม รถมอเตอร์ไซค์โดนยึดเพราะไม่ได้ผ่อนมาเป็นเวลานาน บ้านโดนตัดน้ำเพราะไม่ได้จ่ายค่าน้ำมาเกือบ 4 เดือน น้องไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะไม่มีเงินไปและยังมีปัญหาที่ตามมาอีกเยอะ ทำให้ช่วงนั้นหนูต้องหยุดเรียนบ้างเพื่อมาทำงาน หนูเริ่มทำงานตั้งแต่ป.6 เพราะทางบ้านบางมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่เสมอ
ถึงแม้พ่อแม่ผมจะแยกทางกัน และฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยดี แต่ผมกลับไม่เคยคิด ว่านั่นคือปัญหา อย่างน้อยผมก็ได้อยู่กับแม่ แม่ที่เชื่อมั่นและภูมิใจในตัวผม และนั้นก็ทำให้ผมมีพลังในการทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างไม่ย่อท้อ ทุกๆ วันผมไปเรียนหนังสือ ช่วงพักเที่ยง ผมก็ทำงานตักอาหารที่โรงอาหารเพื่อแลกกับอาหารฟรี 1 มื้อ แล้วก็กลับไปเรียน หลังเลิกเรียนก็ไปทำงานรับจ้างต่อจนถึง 2 ทุ่ม
น้องแป้ง เด็กสาวที่เติบโตมาจากครอบครัวที่แสนอบอุ่นมีสมาชิกด้วยกัน 6 คน คือ ปู่ ย่า พ่อ แม่ น้อง และน้องแป้ง พ่อและแม่ทำงานเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข พ่อเป็นผู้เบิกจ่ายยา ส่วนแม่เป็นผู้ช่วยพยาบาล ปู่และย่าป่วยมีโรคประจำตัว ปู่เป็น โรคประสาทและโรคลมชักเนื่องจากเคยได้รับอุบัติเหตุตกรถทำให้สมองร้าว ทุกวันนี้มี อาการหูแว่วได้ยินเสียงคนพูดว่า ถ้าเป็นหนักจะมีอาการตัวเกร็งและลมชัก
แม้ไม่ใช่ความฝันของตัวเอง แต่เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่พ่อสร้าง จึงทำให้อยากรักษาและพัฒนาต่อไป ‘ตาล’ วริยา จันทร์ศร สาวน้อยนักอุตสาหกรรมเกษตร ที่ถือเป็นความหวังของบ้าน เนื่องจากที่บ้านมีอาชีพหลักคือการแปรรูปปลาสด จึงทำให้กิจกรรมยามว่างของตาล แตกต่างจากวัยรุ่นทั่วไป เพราะตาลต้องช่วยงานพ่อ คือการชำแหละปลา ซึ่งบางวันมีปลามากถึง 30 – 40 ตัน
น้องนนเป็นผู้พิการตั้งแต่กำเนิด มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงต้องอยู่บนรถเข็น พ่อกับแม่แยกทางกันตอนนนอายุได้ 2 ขวบ นนจึงอยู่กับพ่อมาโดยตลอด นนสามารถ ดูแลตัวเองในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ เช่นการอาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าวเพื่อช่วยลด ภาระของคนดูแล พ่อน้องนนทำอาชีพขับรถแท๊กซี่ ขับรถรับจ้างเพื่อหารายได้มาเป็น ค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวซึ่งในแต่ละเดือนรายได้มักไม่พอกับรายจ่าย
น้องศรเป็นกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า เขาและครอบครัวอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ห่างไกลความเจริญในจังหวัดเชียงใหม่ รายได้หลักของครอบครัวมาจากพ่อและแม่ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมซึ่งรายได้ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับผลผลิตที่ได้ในแต่ละปี ซึ่งบางปีผลผลิตออกมาไม่ดีก็ขาดทุนทำให้รายได้ไม่พอเพียงต่อการเลี้ยงปากท้อง ถึง 7 ชีวิต
น้องแอมป์ เติบโตมาจากครอบครัวฐานะยากจน อาศัยอยู่ในบ้านไม้ชั้นเดียวที่ยังเช่าที่ดินของวัดอยู่ พ่อกับแม่เลิกกันตั้งแต่น้องยังเด็กๆ โดยมีแม่เป็นคนทำงานหาเงินส่งเสียแอมป์และน้องชายให้ได้เรียน ตลอดจนเลี้ยงดูทุกคนในบ้านให้ได้อิ่มท้อง แม่ประกอบอาชีพขายน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ทุกวันแม่จะตื่นมาเตรียมของขายตั้งแต่ตี 2 เพื่อขายตอนตี 5-8 โมง