จนพ่อเลี้ยงบอกกับเตยว่าไม่ต้องเรียนหนังสือแล้วอยากให้ออกมาช่วยกันทำงานหากิน แต่ด้วยเตยเป็นเด็กใฝ่เรียน และเชื่อมั่นว่าการศึกษาจะสามารถเปลี่ยนชีวิตเขาให้ดีขึ้นกว่าเดิม และหลุดพ้นจากความยากจนได้ เตยจึงตัดสินใจกับตัวเองและบอกกับแม่ว่าเขาจะหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน โดยเริ่มจากการทำงานเป็นเด็กปั๊ม ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นป.4 ทำเรื่อยมาจนขึ้นชั้นม.3 ก็ไปทำงานร้านหมูกระทะ และรับจ้างทำความสะอาดร้านเครื่องเขียน จนกระทั่งเกิดสถานการณ์โควิดทำให้ทุกร้านได้รับผลกระทบและให้เตยพักงาน เขาจึงใช้เงินเก็บที่อดออมไว้ประคับคองชีวิตจนผ่านพ้นวิกฤตมาได้ ตอนนี้เตยกลับมาทำงานเหมือนเดิมนอกจากจะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวยังนำเงินไปให้แม่เพื่อช่วยเหลือครอบครัวอีกด้วย
ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่มีปัญหา อย่าไปกลัว เพราะปัญหาเป็นเหมือนหนังสือที่สอนบทเรียนชีวิต ให้เราได้เรียนรู้ และเติบโตอย่างเข้มแข็ง
ปัจจุบันน้องเตยอายุ 19 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนทัพพระยาพิทยา จ.สระแก้ว เรียนสายวิทย์ คณิต ซึ่งมีผลการเรียนที่ดีเกรดเฉลี่ยเทอมที่ผ่านมาได้เกรดเฉลี่ยสะสมถึง 3.88 ซึ่งนอกจากเป็นเด็กเรียนดีแล้ว เตยยังเป็นนักกิจกรรมของโรงเรียนในการร่วมกิจกรรมต่างๆ จนได้รับคัดเลือกให้เป็น Best Student of The Year และปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสภาเด็กและเยาวชน จังหวัดสระแก้ว
ในอนาคตเตยมีความฝันอยากเป็นล่ามและพิธีกรสองภาษา เพราะเขาหลงใหลในเสน่ห์ของภาษาต่างๆ และเขาเชื่อว่าต่อให้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลง เทรนด์อาชีพจะเปลี่ยนไป แต่การสื่อสารจะยังเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นที่ต้องการของทุกองค์กร แต่กว่าจะถึงฝั่งฝันและประสบความสำเร็จ เขายังต้องฟันฝ่าอุปสรรคอีกมาก แต่เตยไม่คิดจะถอดใจ ยอมแพ้ เพราะเขามีแม่เป็นแรงผลักดันที่ต้องกัดฟันสู้ต่อไปเพื่อจะได้ทดแทนพระคุณแม่ ให้แม่ได้อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องทนลำบากอย่างทุกวันนี้ และตอบแทนสังคมที่มอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่เขา ในฐานะนักเรียนทุนมูลนิธิเอสซีจี เตยให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่าจะเป็นพลเมืองที่ดี และจะหมั่นพัฒนาทักษะตัวเองเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศต่อไป สุดท้ายอยากจะขอฝากกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังประสบปัญหาชีวิตอยู่ในตอนนี้ว่า
ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่มีปัญหา ทุกปัญหามีทางออกเสมอ อย่าไปกลัว เพราะปัญหาคือบททดสอบชีวิตให้เราพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นคนเก่งและแกร่งแค่ไหน เป็นเหมือนหนังสือที่สอนบทเรียนชีวิตให้เราได้เรียนรู้ และเติบโตอย่างเข้มแข็ง