เรื่องกิน…เรื่องใหญ่ และสุขอนามัยของน้องๆ คือสิ่งที่มูลนิธิเอสซีจีใส่ใจ

มูลนิธิเอสซีจี นำโดยพี่รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส  ประธานกรรมการมูลนิธิเอสซีจี พร้อมพี่ๆ ผู้บริหาร และทีมงานจิตอาสาจากปูนทุ่งสง ส่งมอบโรงอาหาร ณ ร.ร.บ้านชายคลอง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ภายใต้โครงการปันโอกาส “โรงเรียนต้องรอด”

เพราะเราอยากเห็นเด็กน้อยและคุณครูมีโรงอาหารที่ถูกสุขลักษณะ  สะอาด ปลอดภัย ตรงตามมาตรฐานสุขาภิบาลโรงอาหารในสถานศึกษา จึงได้ร่วมกันกับโรงเรียน ชุมชน หน่วยงานภาครัฐของทุ่งสง และเพื่อนๆ พนักงานเอสซีจี ช่วยกันคิด ช่วยกันออกแบบ เพื่อให้โรงอาหารนี้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริง และหวังว่าน้องๆ จะชอบโรงอาหารที่ปรับปรุงใหม่นี้ และมีความสุข กินไป ยิ้มไป ปลอดภัย ปลอดโรค

สนับสนุนทุนการศึกษา​ให้กับน้องๆคนเก่งและดี จากรายการเก่งจริงชิงค่าเทอม

คุณสุวิมล​ จิ​วา​ลักษณ์ กรรมการ​และ​ผู้จัดการ​มูลนิธิ​เอส​ซี​จี​ มอบทุนการศึกษา​ให้กับน้องๆเยาวชน​ที่เป็​นคนเก่ง​และดี​ มีความรู้​ และศักยภาพ​ ที่สามารถ​ทำแจ๊คพอต​แตกในรายการ​ #เก่งจริงชิงค่าเทอม ทางช่อง​ one​ 31 ​โดยมีคุณธงชัย​ ประสงค์​สันติ คุณ​แชมป์​ ผู้ดำเนินรายการ​ และ​ ผศ.รัชด ชมภูนิช​ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิตและพัฒนาอย่างยั่งยืน​ มหาวิทยาลัย​เกษตร​ศาสตร์​ให้เกียรติ​เป็นผู้รับมอบ

เพราะ​การให้​โอกาส​ทางการ​ศึกษา​ คือ​ การพัฒ​นา​คนอย่างยั่งยืน

“โรงเรียนต้องรอด” ขอนแก่น ความร่วมมือจากพนักงานจิตอาสา SCGP

ด้วยแนวคิด ที่อยากจะพัฒนาและส่งเสริมสถานศึกษาให้อยู่อย่างปลอดโรค ปลอดภัย เด็กๆ ได้มีสาธารณูปโภคที่ถูกต้องตามหลักสุขอนามัย เพื่อลดการเกิดโรคและการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ รวมถึงโรคอุบัติใหม่ๆ ที่อาจขึ้นได้ทุกเมื่อ จึงเป็นที่มาให้พี่น้องจิตอาสา SCGP ที่ บริษัท ฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการ​ปันโอกาส “โรงเรียนต้องรอด” ​ ที่ รร.บ้านคำบอนคุรุราษฎร์บำรุง​ จ.ขอนแก่น​ แห่งนี้

ด้วยแรงกายและความตั้งใจ ของเพื่อนพนักงานจิตอาสา ที่ร่วมกันปรับปรุงห้องพยาบาล โรงอาหาร อ้างล้างมือ ตู้แช่นม รวมทั้งตู้น้ำดื่ม ที่จะช่วยให้เด็กๆ มีสุขอนามัยที่ดี ลดความเสี่ยงของแหล่งบ่อเกิดของโรคต่างๆ ขอขอบคุณทุกความร่วมมือร่วมใจและร่วมแรง

เพราะเราเชื่อว่า “นักเรียนรอด คุณครูรอด โรงเรียนก็ต้องรอด”

“กองทุน​สัมมาชีพ” เพื่อ​การสร้างอาชีพ​อย่าง​ยั่งยืน

มูลนิธิ​เอส​ซี​จี​นำโดย​ คุณวรพล​ เจนนภา เลขานุการ​และกรรมการ​มูลนิธิ​เอส​ซี​จี และคุณสุวิมล​ จิ​วา​ลักษณ์ กรรมการ​และ​ผู้จัดการ​มูลนิธิ​เอส​ซี​จี​ ​ ลงพื้น​ที่​เยี่ยม​ชมและติดตาม​การทำงาน​กองทุน​สัมมาชีพ​ และกองทุน​ช่วยเหลือ​ผู้​ประสบ​ภัยโควิด​ ต.บ้านช่อง​ฟืน​ อ.ปากพยูน จ.พัทลุง​ ที่มูลนิธิ​เอส​ซี​จี​ให้งบประมาณ​สนับสนุน​ในการก่อตั้งกองทุน​ในการสร้างงาน​ สร้าง​อาชีพ​ สร้าง​รายได้​ใน​ชุมชน​ให้ทุกคน​สามารถ​พึ่งตนเอง​และอยู่​รอดได้ในชุมชน

เพราะ​การให้​อาชีพ คือ​การให้​ที่​ยั่งยืน

ส่งมอบพลังใจผ่านรถเข็นวีลแชร์ให้น้องๆ​ ผู้พิการที่ยากไร้

มูลนิธิเอสซีจีได้ร่วมส่งมอบ​ “รถเข็นวีลแชร์เพื่อน้อง” แก่​มูลนิธิคนพิการไทย​ จำนวน 20 คัน​ เพื่อให้น้องๆ ที่ยากไร้ ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองและอยู่รอดอย่างยั่งยืน โดยพี่ๆ​ คณะทำงานและทีมงานมูลนิธิเอสซีจี​ยังได้ลงมือประกอบรถวีลแชร์จำนวนหนึ่งให้น้องๆ​ ด้วย

มูลนิธิคนพิการไทย​ เป็นองค์กรเพื่อคนพิการโดยคนพิการ​ ได้รับการประกาศเป็นองค์กรหรือสถานสาธารณกุศล​ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อติดต่อประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ​ ทั้งภาครัฐ และเอกชน​ในการให้ความช่วยเหลือ​ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต​คนพิการให้ดีขึ้น​ รวมทั้งให้การส่งเสริมและ​สนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ผู้พิการทั่วประเทศ​ และ 1​ ในโครงการเหล่านั้นคือ​ “วีลแชร์เพื่อน้อง”​ เพื่อจัดหาทุนในการมอบรถวีลแชร์และวีลแชร์ปรับเอนนอนแก่คนพิการทั่วประเทศ

น้ำจากใจ แทนความห่วงใย ผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.ระยอง

มูลนิธิเอสซีจี ร่วมมอบน้ำดื่มจำนวน 3,600 ขวด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยมี SCGC ดำเนินการจัดหาและนำมอบให้ “โรงครัวอีจัน” ได้อย่างรวดเร็วและทันถ่วงที เพื่อนำความห่วงใยนี้ส่งต่อให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยต่อไป ถึงแม้หลายพื้นที่จะน้ำลดลงแล้ว แต่ก็ยังมีอีกในหลายพื้นที่ ที่ยังคงวิกฤติ

เราขอร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้ในเร็ววันนะคะ

แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

มูลนิธิเอสซีจี​ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทีมบุคลากรสายนโยบายสังคม กองยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เห็นแนวทางการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติฉบับ 13 เพื่อทิศทางและการวางแผนดำเนินงานในอนาคตที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศขอขอบคุณทีมจาก​สภาพัฒน์ฯ ที่ร่วมแบ่งปันให้เราอย่างเต็มที่​ เพื่อจะนำข้อมูลไปเป็นประโยชน์ต่อการทำงานเพื่อสังคมต่อไป

ร่วมยินดีกับความสำเร็จของวงดุริยางค์ฟีลฮาโมนิกแห่งประเทศไทยในเทศกาลระดับโลก 70th​ Festival LJUBLJANA ณ สาธารณรัฐสโลวีเนีย

มูลนิธิเอสซีจี​ ร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของ​วงดุริยางค์ฟีลฮาโมนิกแห่งประเทศไทย (Thailand Philharmonic Orchestra)​ ในการร่วมแสดงดนตรีในงานเทศกาลดนตรีลูบลิยานา​ ครั้งที่ 70 (70th​ Festival LJUBLJANA)​ ณ Cankarjev dom​ สาธารณรัฐสโลวีเนีย​ เมื่อวันที่​ 29 สิงหาคม​ ที่ผ่านมา​ ในนามผู้สนับสนุน นำโดยคุณเชาวลิต เอกบุตร กรรมการบริหาร, คุณสุวิมล​ จิวาลักษณ์​ กรรมการและผู้จัดการ พร้อมคณะ เข้าร่วมชมคอนเสิร์ต พร้อมแสดงความยินดีกับ​ ดร.ณรงค์​ ปรางค์เจริญ​ คณบดี​ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์​ ม.มหิดล​ และผู้อำนวยการวง​ ในการร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ในยุโรปที่มีชื่อเสียงระดับโลกครั้งนี้

(ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจากเพจ​ Thailand​ Philharmonic​ Orchestra)​

เยี่ยมวิทยาลัยเทคนิคโพธาราม จ.ราชบุรี และน้องๆ นักเรียนทุน Sharing the Dream

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย ตรวจเยี่ยมวิทยาลัยเทคนิคโพธาราม ซึ่งเป็นสถานศึกษาภายใต้โครงการกองทุนการศึกษา ซึ่งมูลนิธิเอสซีจี ให้การสนับสนุนทุน Sharing the Dream แก่นักเรียนขาดแคลนในพื้นที่ชายขอบ จ. ราชบุรี เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนอาชีวะ สร้างทักษะอาชีพ อันจะนำไปสู่การเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว ตามแนวคิด “Learn to earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด” ซึ่งในโอกาสนี้ พี่ๆ มูลนิธิเอสซีจี ได้เยี่ยมพบปะน้องๆ นักเรียนทุนของเราด้วย

เริ่มแล้วที่แรก …“โรงเรียนต้องรอด” ที่ จ.สระบุรี

ร่วมติดตามโครงการดีๆ ที่มาจากความตั้งใจของพี่น้องชาวเอสซีจีที่มีจิตอาสา ซึ่งตั้งใจนำความรู้และประสบการณ์ที่มี มาร่วมแบ่งปันความรู้ และพัฒนาแนวความคิด ด้าน soft​ side ให้กับคุณครูโรงเรียนสระบุรีวิทยาคม เพื่อทำให้ “โรงเรียนต้องรอด ” ในสถานการณ์เช่นปัจจุบันนี้ 

ขอขอบคุณในน้ำใจพี่น้องชาวเอสซีจี ที่ตั้งใจ ผลักดัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

ส่งความห่วงใย ถึงผู้ประสบภัย ผ่านต้นกล้าชุมชน

มูลนิธิเอสซีจี ร่วมมือกับเครือข่าย​ ร่วมกันมอบถุงยังชีพให้พี่น้อง ชุมชนตำบลศิลา​ ที่ประสบน้ำท่วมจากน้ำป่าไหลหลากอย่างเฉียบพลัน ในพื้นที่​ ตำบลศิลา อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ขอขอบคุณพี่ดิว เครือข่ายต้นกล้าชุมชน ที่เป็นสะพานบุญช่วยส่งต่อความห่วงใยจากเราไปถึงมือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว

“รางวัลคุณธรรม” พลังแห่งการร่วมกันต่อยอดความดี

มูลนิธิเอสซีจี โดยคุณภรัณยุ จุฑาสันติกุล ผู้ช่วยกรรมการและผู้จัดการอาวุโส รับมอบรางวัลคุณธรรม ประเภทจิตสาธารณะ จากคุณอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งจัดโดย ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และโอกาสนี้ ได้ร่วมแสดงความยินดีกับ คุณประเชิญ คนเทศ เครือข่ายนักพัฒนาชุมชนมูลนิธิลุ่มน้ำท่าจีนนครปฐม และ​น้องโย -​ โยธิน บุญยงค์ รุ่นพี่นักเรียนทุนมูลนิธิเอสซีจี ที่ได้รับรางวัลคุณธรรม ประเภทบุคคล

ประสานความร่วมมือ ช่วยเหลือพี่น้องชาวเพชรบูรณ์

มูลนิธิเอสซีจี มอบข้าวสาร 1,000 กก. น้ำดื่ม 8,400 ขวด ไข่ไก่ 40 แพ็ค ให้โรงครัวอีจัน เพื่อปรุงอาหารสดใหม่ ให้พี่น้องชาวเพชรบูรณ์ที่ประสบภัยน้ำท่วม

โดยมีผู้แทนจำหน่ายวัฒนชัยหล่มสัก ช่วยสนับสนุนรถ 6 ล้อและไข่ไก่อีก 50 แพ็ค แม้ว่าตอนนี้น้ำจะเริ่มลดแล้ว แต่สภาพบ้านเรือนยังคงเสียหาย พี่น้องยังคงลำบากและเดือดร้อน บางครอบครัวไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ ทั้งนี้หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยได้ช่วยนำรถมารับอาหารจากโรงครัวนี้ไปแจกจ่ายอย่างทั่วถึง

(ขอขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊คเพจอีจัน)

มูลนิธิเอสซีจีเปิดโอกาส รับคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างเป็นนักพัฒนาชุมชนรุ่นใหม่

มูลนิธิเอสซีจี ขอเชิญคนรุ่นใหม่หัวใจคืนถิ่นที่อายุ 22-35 ปี มีศักยภาพและความกล้ากลับมาพัฒนาบ้านเกิดให้มีความเข้มแข็งเข้าร่วมโครงการ “ต้นกล้าชุมชน รุ่นที่ 6” โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเป็น ‘ต้นกล้าชุมชน’ ต้องดำเนินโครงการตามที่ถนัดและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในชุมชน ภายใต้การดูแลและแนะนำจากพี่เลี้ยงที่เป็นนักพัฒนามืออาชีพในท้องถิ่น ตลอดจนเข้าร่วมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพตามที่มูลนิธิฯ กำหนด เพื่อฝึกฝนพัฒนาความรู้ ความสามารถพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการสร้างงาน  สร้างอาชีพ พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และทุนทางวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างกระบวนการเรียนรู้เพื่ออยู่รอดพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป

เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ – 30 กันยายน 2565

ประกาศผลคัดเลือกเดือน ตุลาคม 2565

รายละเอียดโครงการ คลิก

แบบฟอร์มใบรับสมัครต้นกล้าชุมชนรุ่นที่ 6 คลิก

ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ​มูลนิธิเขื่อนยันฮี​ อีก​ 1​ กัลยาณมิตร​การทำงานเพื่อสังคม

ตัวแทนคณะกรรมการเขื่อนยันฮี และผู้บริหารจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำโดย​ คุณฤดีมาส ปางพุฒิพงศ์ – กรรมการมูลนิธิฯ ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานเพื่อสังคมในมิติต่างๆ กับมูลนิธิเอสซีจี สร้างโอกาสการทำงานและร่วมมือกันในอนาคต

มูลนิธิเอสซีจี และศิริราช เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงิน ผ่านโครงการ “เป๋าบุญ หนุนขา” เพื่อสมทบ “กองทุนกายอุปกรณ์เพื่อผู้พิการ”

มูลนิธิเอสซีจี × ศิริราช ผสานพลังเปิดโครงการ “เป๋าบุญ หนุนขา” ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการยากไร้ ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน เพื่อให้ได้รับอุปกรณ์อาทิ แขนเทียม ขาเทียม และการรักษาที่มีคุณภาพ

โดยผู้บริจาคจะได้รับกระเป๋ารักษ์โลก ที่ผลิตจากถุงปูนซีเมนต์ที่ยังไม่ผ่านการใช้งานเป็นของที่ระลึก (*) ทุก 500, 1,000, 2,000 บาท รับกระเป๋ารักษ์โลก 1 ใบแบบสุ่ม ตั้งแต่ 15 ส.ค. นี้ จนกว่าของที่ระลึกจะหมด 

ร่วมบริจาคได้ที่ :

– ศิริราชมูลนิธิ ตึกมหิดลบำเพ็ญ ชั้น 1 รพ.ศิริราช และ รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ชั้น G (ทุกวัน)

– บริจาคผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช หมายเลขบัญชี 016-3-00049-4 ชื่อบัญชี ศิริราชมูลนิธิ  (ระบุ “กองทุนกายอุปกรณ์เพื่อผู้พิการ” หรือ “กองทุน D3366” )

– บริจาคผ่าน Application ธนาคารที่ท่านมีบัญชีเงินฝาก โดยสแกนผ่าน QR CODE ตามโปสเตอร์ แล้วแจ้ง ชื่อ-สกุล หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ผ่านช่องทางLine : @sirirajfoundation หรือส่งE-mail มาที่ donate_siriraj@hotmail.com เพื่อจัดส่งเอกสารการบริจาคและ/หรือกระเป๋าแก่ท่านต่อไป

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ งานประชาสัมพันธ์และกิจการพิเศษ ตึกอำนวยการ ชั้น 1 โทร. 02 419 7646 – 8

#เป๋าบุญหนุนขา

#มูลนิธิเอสซีจี

#ศิริราช

#ศิริราชมูลนิธิ

มูลนิธิเอสซีจี ผสานพลังศิริราช เปิดโครงการ “เป๋าบุญ หนุนขา” ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการยากไร้ ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับศิริราช เปิดโครงการ “เป๋าบุญ หนุนขา” เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบ “กองทุนกายอุปกรณ์เพื่อผู้พิการ” ในศิริราชมูลนิธิ เพื่อช่วยเหลือผู้พิการที่ยากไร้และด้อยโอกาสให้ได้รับอุปกรณ์อาทิ แขนเทียม ขาเทียม และการรักษาที่มีคุณภาพ

ผู้บริจาคจะได้รับกระเป๋ารักษ์โลก ที่ผลิตจากถุงปูนซีเมนต์ที่ยังไม่ผ่านการใช้งานเป็นของที่ระลึก ซึ่งกระเป๋าดังกล่าวยังมากด้วยคุณค่าและความพิเศษในการช่วยสร้างโอกาสและพัฒนาทักษะอาชีพของกลุ่มคนไร้ที่พึ่ง
ที่ได้รับการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาร่วมสร้างสรรค์
เป็นผลิตภัณฑ์สินค้าแฟชั่นรักษ์โลกตามหลักแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) 

ผู้สนใจสามารถบริจาคได้ที่ศิริราชมูลนิธิ ตึกมหิดลบำเพ็ญ ชั้น 1 รพ.ศิริราช  / รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ชั้น 2 โซน B  / บริจาคผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 0163000494 (กรุณาระบุ กองทุนกายอุปกรณ์เพื่อผู้พิการ หรือ กองทุน D3366) หรือบริจาคผ่าน Mobile Banking โดยสแกน QR Code  และติดต่อศิริราช โทร. 02 419 7646-8 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าของที่ระลึกจะหมด 

สอบถามข้อมูลได้ที่ งานประชาสัมพันธ์และกิจการพิเศษ ตึกอำนวยการ ชั้น 1 โทร. 02 419 7646 – 8

มูลนิธิเอสซีจี จับมือ GMMTV เปิดเวที “Young Survivors LEVEL UP” จัด Talk & Show ส่งท้ายรายการ “Young Survivors รุ่นนี้…ต้องรอด” ชวนเหล่า Gen Z ลงสนามจริง เรียนรู้ “ทักษะแห่งอนาคต” กับแก๊ง Young Survivors แบบครบทีม

“มูลนิธิเอสซีจี” ร่วมกับ GMMTV ชวนเหล่า Gen Z กว่า 200 คน ร่วมเวิร์คช็อปทักษะเอาตัวรอดในงาน Young Survivors LEVEL UP ขนแก๊ง “Young Survivors และเหล่า Master Class แบบครบทีมจัดเต็ม ร่วมจัดกิจกรรม Talk & Show นำทักษะแห่งยุคมาร่วมกันสร้างการรับรู้และความเข้าใจตามแนวคิด Learn to Earn  ผ่านภารกิจ Young Survivors รุ่นนี้ต้องรอด” ที่ออนแอร์มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 

คุณสุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี เปิดเผยถึงแนวคิดการส่งเสริมให้คน Gen Z นำทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 หรือ Power Skill ไปประยุกต์ใช้เพื่อให้อยู่รอดได้ในโลกปัจจุบันว่า “มูลนิธิเอสซีจีเป็นองค์กรสาธารณกุศล ที่มุ่งเน้นในการพัฒนา ‘คน’ มาโดยตลอด ประกอบกับทุกวันนี้ โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมาของโควิด-19 ก็เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวเพื่ออยู่รอด มูลนิธิเอสซีจีจึงเร่งผลักดันแนวคิด Learn to Earn  เรียนรู้เพื่ออยู่รอด โดยให้ทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนตามสภาวการณ์ปัจจุบัน ส่งเสริมให้เยาวชนเรียนเร็ว จบเร็ว มีงานเร็ว อีกทั้งมุ่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชน ให้มีทักษะทั้ง Hard skill หรือ ทักษะความสามารถที่ใช้ในการทำงานในแต่ละสายอาชีพ และ Soft skill หรือ ทักษะด้านการเข้าสังคมและอารมณ์ เพราะโลกทุกวันนี้ คนเก่งไม่ได้หมายถึงต้องเรียนเก่งเป็นเลิศ หรือต้องได้เกรด 4.00 แต่หมายถึง คนเก่งที่ใช้ความรู้ความสามารถประกอบอาชีพได้ ทำมาหากินได้ ดูแลตัวเองและครอบครัว และมีการบริหารจัดการอารมณ์ได้ดี ทำงานเป็นทีม เข้ากับคนอื่นได้ และแบ่งปันให้สังคม  

นอกจากการมอบโอกาสทางการศึกษาแล้ว มูลนิธิฯ ยังมุ่งสร้างการรับรู้และชวนให้ตระหนักถึงรูปแบบการศึกษาที่เปลี่ยนไป ว่าโลกทุกวันนี้ทุกอย่างคือการเรียนรู้ และการศึกษาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในห้องเรียน แต่หมายถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต มูลนิธิเอสซีจี จึงร่วมมือกับ GMMTV ผลิตรายการ Young Survivors รุ่นนี้ต้องรอด” นำทัพนักแสดงวัยรุ่น พร้อมด้วยเหล่า Master Class มากประสบการณ์ ผู้คร่ำหวอดในแต่ละวงการ มาปฏิบัติภารกิจการเอาตัวรอดผ่านการใช้ทักษะในด้านต่างๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคน Gen Z ได้พัฒนาตนเองด้วยทักษะแห่งยุค 

ด้านคุณสถาพร พานิชรักษาพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด กล่าวเสริมถึงแนวคิดเรื่อง Learn to Earn ของมูลนิธิเอสซีจี ว่า “ในฐานะที่ GMMTV เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิต content ที่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น และมีนักแสดงวัยรุ่นที่สามารถนำเสนอและถ่ายทอดข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z จึงได้ผลิตรายการที่มีเนื้อหาสาระและถ่ายทอดแนวคิดดังกล่าวเพื่อให้ผู้ที่รับชมรายการสามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตจริง   ซึ่งรายการดังกล่าวได้ออกอากาศไปแล้วทางช่อง YouTube: GMMTV OFFICIAL ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 รวมทั้งสิ้นจำนวน 5 ตอน  และก็มาถึงกิจกรรมที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญ คือการรวมบทสรุปคอนเทนต์ทั้ง 5 ตอน มาไว้ในงาน “Young Survivors LEVEL UP” โดยเป็นงานรวมพลเหล่า Young Survivors และ Master Class แบบครบทีมจัดเต็มในวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ หอดนตรีและการแสดงอโศกมนตรี 1 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 

ในงานดังกล่าว เหล่าเยาวชน Gen Z ที่มาร่วมงาน ได้มีโอกาสได้กระทบไหล่กับเหล่าแก๊ง Young Survivors ตัวเป็นๆ อย่าง คริสพีรวัส เตตะวัน ปอนด์ณราวิชญ์ ภูวินทร์ตั้งศักดิ์ยืน นีโอตรัย อาร์มวีรยุทธโฟร์ทณัฐวรรธน์  ที่จะมาสร้างสีสันและความสนุกสนานแบบครบทีมจัดเต็ม ร่วมกิจกรรม Workshop ที่แสนจะเพลิดเพลินไปกับเหล่า Master Class  ป๋าเต็ดยุทธนา บุญอ้อม หนุ่ยพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ กรีนนิธิวัชร์ โค้ดดี้อรรถพล ที่จะมาถ่ายทอดความรู้ทักษะแห่งอนาคตด้วยประสบการณ์ตรง พร้อมโอกาสร่วมสนุกเล่นเกมสุดฮากับพิธีกรแต่ละคลาส  ก็อตจิทัชชกร ป๋อมแป๋มนิติ กอล์ฟกิตติพัทธ์ เจนนี่ ปาหนัน นอกจากนี้ยังจัดช่วงพูดคุยกับเหล่า Master Class ให้ Gen Z ได้รับฟังแง่คิดดีๆ จากกูรูด้านต่างๆ ก่อนปิดท้ายด้วยโชว์สนุกๆ ถึง 5 ชุด จากเหล่าศิลปินที่มาร่วมงาน   

“มูลนิธิเอสซีจี หวังว่า ทักษะที่ได้ในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับน้องๆ Gen Z ให้สามารถนำทักษะไปปรับใช้เวลาที่ต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค ยิ่งโลกเปลี่ยนแปลงเร็วเท่าไร เราทุกคนยิ่งต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อนำไปพัฒนาตัวเองให้เก่งทั้งการงาน และเก่งทั้งการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม คุณสุวิมล กล่าวสรุป

ติดตามชมรายการ “Young Survivors รุ่นนี้…ต้องรอด” ย้อนหลังได้ทางช่อง YouTube: GMMTV OFFICIAL และติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิเอสซีจี ได้ที่ www.scgfoundation.org  และเฟซบุ๊ก LEARNtoEARN

#LearntoEarn #เรียนรู้เพื่ออยู่รอด #รุ่นนี้ต้องรอด #มูลนิธิเอสซีจี

เติมก่อนโต Go Live: The Journey Of Growth

การแสดงผลงานการเรียนรู้ของน้อง ๆ นักเรียนทุนมูลนิธิเอสซีจี จากค่าย “เติมโตก่อนโต Plus+” ทั้ง 5 กลุ่มอาชีพ ที่จะมาแสดงผลของความพยายามในการตั้งเป้าหมาย วางแผน และลงมือทำตามความสนใจตลอด 3 สัปดาห์

โครงการเติมก่อนโต ตั้งอยู่บนฐานของแนวคิด การเลือกเรียนสําหรับการดํารงชีพ (Learn To Earn) คือการเปิดมุมมองสร้างแรงบันดาลใจต่ออาชีพที่สามารถสร้างรายได้ในอนาคตและวางแผนการในการพัฒนาตนเองสู่อาชีพในอนาคต โดยการสร้างทักษะให้นักเรียนทุนในโครงการเข้าใจถึงเรื่องการออกแบบชีวิตด้วยหลักการ Design thinking และปลูกฝัง Growth mindset พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ น้อง ๆ ได้เรียนรู้ วางแผน รวมไปถึงการลงมือทำจริงในโครงการ 

เป้าหมาย : 

เพื่อเปิดมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมโครงการต่ออาชีพต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้มีการวางแผนเพื่อพัฒนาตนเองสู่อาชีพในอนาคต นำทีมสอนโดยวิทยากรจาก Tact และแขกรับเชิญพิเศษที่มาสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ ในโครงการ เช่น เติร์ด – อนุโรจน์ เกตุเลขา นักร้องนำวง Tilly Birds, ฟ้าใส (อนันตญา ชินวงศ์) รุ่นพี่นักเรียนทุน SCG SHARING THE DREAM และเจ้าของร้านขายต้นไม้ด่าง,กระถางออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ, ผศ.ดร.อรรถพล อนันตวรสกุล  อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

กลุ่มเป้าหมาย :

นักเรียนทุนในโครงการของมูลนิธิ SCG Foundation ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3 ในปีการศึกษา 2564 (รวมถึงให้สิทธิน้อง ๆ ชวนเพื่อนที่สนใจเข้าร่วมโครงการด้วย)

Young​ Survivors​ Level Up

นักเรียนทุนมูลนิธิเอสซีจี​ ร่วมลงสนามจริงลองเรียนรู้ “ทักษะแห่งอนาคต” แบบ​ Exclusive ​ ในงาน​ Young​ Survivors​ Level Up​ พร้อมสนุกไปกับ​ Talk & Show จาก​แก๊ง “YOUNG SURVIVORS” แบบครบทีม และเหล่า​ Master Class​ เช่น​ ป๋าเต็ด ป๋อมแป๋ม​ คริส​ นีโอ​ หนุ่ย​-พงศ์สุข​ เต-ภูวินทร์ ก็อตจิ​ โฟร์ท​ นีโอ​ โค้ดดี้ เจนนี่​ เป็นต้น

ผู้สนใจ​ร่วมชม​ Live​ จากงานได้​ พุธที่​ 10​ สิงหาคม​ 2565​ เวลา​ 18.00​ น.​ ทางเพจ​ Facebook​ มูลนิธิเอสซีจี, YouTube​ GMMTV

#รุ่นนี้ต้องรอด #YoungSurvivors #LearntoEarn #เรียนรู้เพื่ออยู่รอด​ #มูลนิธิเอสซีจี​ #GMMTV

Young ต้องเติม

โครงการ Young ต้องเติม เป็นหนึ่งในกิจรรมพัฒนาศักยภาพนักเรียนทุน Sharing the Dream ของมูลนิธิเอสซีจี ที่มุ่งให้นักเรียนทุนฯ ได้พัฒนาทักษะทั้งในเชิง Hard – Soft Skill อันจะเป็นส่วนสาคัญในการเติบโตและมุ่งไปสู่จุดมุ่งหมาย ตามแนวคิด Learn to Earn โดยมูลนิธิฯ ได้สำรวจความต้องการของนักเรียนทุนฯ พบว่าน้องๆ มีความสนใจที่จะเพิ่มทักษะในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน การสื่อสารในที่สาธารณะ ช่องทางการเพิ่มรายได้ รวมถึงสนใจที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคม แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร มูลนิธิฯ จึงได้ออกแบบและจัดทำโครงการ Young ต้องเติม ขึ้นเพื่อเติมเต็มความรู้ พัฒนาทักษะให้กับน้องๆ นักเรียนทุน 

“Young ต้องเติม” เปิดโอกาสให้นักเรียนทุนฯ ในระดับ ปวส. และ ปริญญาตรี ทั่วประเทศ ได้เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ โดยแบ่งการเรียนรู้ออกเป็น 2 ช่วงหลัก 

1. Online Class สร้างแรงบันดาลใจ เรียนรู้เทคนิคกับ KOL ขวัญใจวัยรุ่น โดยมี 4 วิชาด้วยกันได้แก่ 

: English for daily life โดย คุณคะน้า จาก ฝรั่งอั้งม้อ (Farang Angmor) 

: Public Speaking โดย คุณตอนยอน และ คุณกวิน จากเพจนวล 

: การลงทุนและการเงินสาหรับวัยรุ่น โดย คุณเคน จักรกฤษณ์ จากMoney Buffalo : ESG Young Influencer โดยคุณหนุ่ม SD SCG และคุณแก๊ป จาก Salmon House 

2. Self Learning & Assignment เมื่อจบจาก Online Class แล้ว ผู้เข้าร่วมโครงการ ก็จะได้ฝึกฝนทั้ง 4 วิชา ในรูปแบบ online ผ่านทาง platform ที่มูลนิธิฯ จัดเตรียมไว้ให้ พร้อมทำแบบทดสอบ เพื่อรับประกาศนียบัตรจากโครงการ 

เพราะโลกยุคดิจิทัลหมุนไว การก้าวให้ทันโลกจึงสาคัญเป็นอย่างมาก มูลนิธิฯ จึงสนับสนุนและส่งเสริมให้นักเรียนทุนฯ ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ ไขว่คว้า กล้าลองสิ่งใหม่ๆ เพิ่มทักษะให้กับตัวเองเพื่อพร้อมที่จะก้าวสู่อนาคตตามแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด

ไฮไลท์กิจกรรม “Young ต้องเติม” https://www.facebook.com/watch/?v=804836880793075

Creative Idea for Change: มาร่วมแลกเปลี่ยน คิด เสริม เกลาไอเดียเพื่อแก้ปัญหา

School of Changemakers ร่วมกับ TK Park และมูลนิธิเอสซีจี ชวนผู้ที่สนใจสนับสนุนการสร้างเปลี่ยนแปลง มาใช้ประสบการณ์และความสนใจของตัวเองมาช่วยคิด เสริม เกลาไอเดียของเหล่าว่าที่ Changemaker ที่กำลังมองหาวิธีการใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาสังคมที่ตนสนใจ ได้ไอเดียที่สร้างสรรค์ และทำได้จริง หรือพกโจทย์ประเด็นปัญหาที่ตนเองสนใจ มาหาไอเดียที่สร้างสรรค์จากเพื่อนหลากหลายวงการและอายุภายในงานก็ได้เช่นกัน

ที่มา

นอกจากไอเดียสร้างสรรค์ที่จะแก้ปัญหาสังคมอันซับซ้อนมักเป็นไอเดียที่พัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และความมีส่วนร่วมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแล้ว ยังมักจะเป็นไอเดียที่เจ้าของได้ดึงเอาความสนใจ ความชอบ ความชำนาญของตัวคนทำเองออกมาคิดแก้ปัญหา ทำให้ได้ไอเดียที่มีความเป็นตัวเอง (Original) แตกต่างจากวิธีการแก้ไขปัญหาเดิม ๆ เติมสิ่งที่ขาดหายไปจากระบบ และทำให้ผู้ประสบปัญหาหรือเกี่ยวข้องแก้ปัญหาตัวเองได้ พร้อมๆ ไปกับการเรียนรู้และการพัฒนาตัวเองของคนทำ

แต่ถึงแม้จะมีเครื่องมือ/ตัวช่วยในการคิดไอเดีย ในโลกที่มีไอเดียเจ๋ง ๆ เกิดใหม่ทุกวันและก้าวหน้าขึ้นทุกวัน จนดูเหมือนว่าเป็นการคิดไอเดียใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์สังคมและคนทำไม่ใช่เรื่องง่าย

เวิร์กช็อปนี้ จึงเกิดขึ้นมาเพื่อสร้างโอกาสให้คนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และมาแลกเปลี่ยน ช่วยเสริม เติม เกลาไอเดีย เพื่อสร้างสิ่งใหม่ให้สังคม กับคนที่สนใจทำเพื่อสังคมหลากหลายประเด็นปัญหาและจากหลากหลายพื้นหลัง เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีของดีอยู่ในตัว ไม่ว่าจะเป็นความถนัด ความชอบ หรือประสบการณ์ ‘ของดี’ เหล่านี้สามารถเป็นพลังที่จะส่งต่อให้คนอื่นได้ และการคิดไอเดียสร้างสรรค์ของว่าที่นักเปลี่ยนแปลงก็คงไม่ยากเกินไป

งานนี้ทำอะไรบ้าง?
– ลองใช้ชุดเครื่องมือ (Toolkit) ช่วยคิดไอเดียที่สร้างสรรค์จากความเป็นตัวเอง และความเป็นไปได้
– คิดไอเดียแก้ปัญหา ภายใต้กรอบการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน Environment, Social, Good Governance (ESG)
– ช่วยเพื่อนว่าที่ Changemakers สร้างสรรค์ไอเดีย ด้วยการแลกเปลี่ยน คิด เสริมกับผู้เข้าร่วมที่สนใจสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง

กิจกรรมนี้เหมาะกับใคร

  • Supporter for Change บุคคลทั่วไป ผู้ที่อยากจะมีส่วนร่วมสนับสนุนไอเดีย หรือความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการแก้ปัญหา ช่วยสร้างสรรค์ไอเดียเป็นจริง และอยากช่วยเพื่อนทำ
  • คุณครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักการศึกษา ผู้บริหาร โรงเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัย สนใจเรียนรู้กระบวนการ เพื่อนำไปใช้งานพัฒนาเยาวชน คนรุ่นใหม่ให้คิดไอเดียแก้ปัญหาสังคม
  • พนักงานองค์กร ผู้จัดการ ผู้บริหาร หรือบุคคลทั่วไปที่สนใจกระบวนการคิดไอเดียแก้ปัญหา ภายใต้กรอบการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน Environment, Social, Good Governance (ESG) เพื่อนำไปต่อยอดในการทำงาน
  • พร้อมเปิดกว้างทางความคิดเห็น รับฟัง และยินดีที่จะแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นได้
    *ทีมงานจะพิจาณาคัดเลือกผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากทักษะ ความสนใจเพื่อกระจายให้เกิดความหลากหลายของผู้เข้าร่วม

กำหนดการ

12.45 – 13.00 ลงทะเบียน
13.00 – 13.15กล่าวต้อนรับเปิดงาน วัตถุประสงค์ของกิจกรรม
13.15 – 13.35กิจกรรม DREAM IT DO IT คิดไอเดียโดยดึงความสนใจ ความถนัดของตัวเองออกมา
13.35 – 13.50พักเบรก
13.50 – 14.50กิจกรรมแลกเปลี่ยน เสริม เกลา ไอเดีย
14.50 – 15.00กิจกรรมสะท้อนการเรียนรู้ (Reflection) ประเมินกิจกรรม (Evaluation) และปิดงาน

วันเวลา สถานที่

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม 2565 เวลา 13.00-15.00 น.
สถานที่ ห้อง Mini Theater TK Park ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

สมัครและสอบถามเพิ่มเติม

กิจกรรมนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วม และจำกัดผู้เข้าร่วมทั้งหมดไม่เกิน 40 คน เพื่อรักษาระยะห่างทาง

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ohr@schoolofchangemakers.com (อ้อ)

Young ESG Innovator (YESGI)

โครงการ Young ESG Innovator (YESGI)  เป็นความร่วมมือระหว่าง SCG Foundation กับ School of Changemakers ที่จะชวนคนรุ่นใหม่อายุ 18-25 ปี และผู้ที่สนใจทั่วประเทศ มาทำความเข้าใจปัญหาสังคมเชิงลึกและหาวิธีแก้ไขปัญหา ภายใต้กรอบการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน Environment, Social, Good Governance (ESG) เพื่อพัฒนาศักยภาพและเตรียมความพร้อมในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในชุมชนและสังคมของตัวเอง

ที่มาโครงการ

SCG Foundation หรือ มูลนิธิเอสซีจี ถือกำเนิดขึ้นมาจากเจตนารมณ์อันแน่วแน่ ในการดำเนินกิจกรรมทางสังคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจของเอสซีจีในเรื่อง “เชื่อมั่นในคุณค่าของคน” ความมุ่งหวังของมูลนิธิฯ คือ การทำงานเพื่อพัฒนา “คน” โดยเน้นที่เด็กและเยาวชน เพราะพวกเขาเหล่านี้ คือ อนาคตที่จะขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความยั่งยืน

School of Changemakers หรือ SOC เป็นสถาบันที่เกิดขึ้นมาเพื่อสนับสนุนคนที่อยากแก้ปัญหาสังคม ซึ่ง SOC มองว่าการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่และแนวคิดเดิมไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะขาดความคิดและมุมมองใหม่ๆ ทำให้สังคมต้องการนวัตกรรุ่นใหม่ ซึ่ง นวัตกรรุ่นใหม่ต้องมีความสามารถในการมอง การทำความเข้าใจปัญหา และการหาวิธีการเพื่อไปแก้ไขปัญหาในระบบอย่างตรงจุด

ในด้าน SCG Foundation ยังคงมุ่งเสริมสร้าง/ปลูกฝังแนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของเยาวชนในปัจจุบัน และให้โอกาสเยาวชนได้แสดงศักยภาพในด้านต่างๆ และในโอกาสอันดีที่ SCG Foundation ได้ร่วมมือกับ School of Changemakers ครั้งนี้ เราจึงสนับสนุน “นวัตกรรุ่นใหม่” ที่ต้องการโอกาส แนวทาง องค์ความรู้เพื่อใช้ในการทำความเข้าใจและมองหาโอกาส /ช่องว่างในการหาไอเดียใหม่ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมในด้านต่างๆ ตลอดจนเรียนรู้และรับประสบการณ์ตรงจากการทดลองปฏิบัติ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ Young ESG Innovator ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเตรียมความพร้อมให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ผ่านคอร์สออนไลน์ทั้ง 3 คอร์ส

โครงการนี้เหมาะกับใคร

  1. เยาวชนคนรุ่นใหม่อายุ 18-25 ปี ที่สนใจพัฒนาศักยภาพและเตรียมความพร้อมในการเป็น
    ผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
    *ผู้ที่อายุไม่ตรงเกณฑ์สามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรรมได้ ขอสงวนสิทธิ์ให้ผู้ที่อายุตามเกณฑ์ก่อน
  2. มีความสนใจในการแก้ไขปัญหาปัญหาสังคมในชุมชนและสังคมของตัวเอง
  3. เป็นผู้มองหาการสนับสนุนเชิงความความรู้และกระบวนการ เพื่อเริ่มต้นสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
  4. มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการแก้ไขปัญหาสังคม พร้อมเรียนรู้ ฟัง feedback และปรับโครงการให้บรรลุผลได้ตามเป้าหมาย
  5. มีเวลาเพื่อทำงานโครงการอย่างน้อย 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่โครงการจัดขึ้นได้ ตลอดระยะเวลา 5 เดือน (โปรดอ่านรายละเอียดกระบวนการและกำหนดการโครงการด้านล่าง)
  6. มีความพร้อมด้านอุปกรณ์สำหรับการเรียนและประชุมผ่านช่องทางออนไลน์ และสามารถเข้าร่วมกิจกรรม on site ได้ตลอดโครงการ

กิจกรรมในโครงการ

  1. Insight Tanks (8 สัปดาห์) คอร์สออนไลน์ เรียนรู้วิธีการทำความเข้าใจปัญหาและพัฒนาทักษะการเข้าอกเข้าใจ (Empathy) คิดวิพากษ์ (Critical Thinking) เพื่อให้ได้มาซึ่งความเข้าใจในเชิงลึกที่เห็นช่องว่างหรือโอกาสในการแก้ปัญหา (Problem Insights)
  • ปฐมนิเทศออนไลน์ เพื่อแนะนำคอร์ส ทำความรู้จักเพื่อน
  • 5 บทเรียน ประกอบไปด้วยการดูวีดีโอและทำแบบฝึกหัดส่งทุกสัปดาห์ ได้แก่
    Scoping Problem, Conducting Secondary Research, Preparing to Empathize, Empathising Stakeholders, Extracting Insight
  • แบบฝึกหัดที่ส่งมา จะมีผู้ให้คำแนะนำผ่านคอมเมนต์และคำปรึกษา
  • เกียรติบัตร เมื่อจบคอร์ส
  1. Idea Pools (2 สัปดาห์) คอร์สออนไลน์​และเวิร์กช็อป เรียนรู้วิธีการตั้งโจทย์ปัญหาให้ชัดเจน และวิธีการดึงเอาจุดเด่นออกมาใช้สร้างสรรค์ไอเดียแก้ไขปัญหาสังคมในแบบฉบับของตัวเอง
  • 2 บทเรียน ซึ่งประกอบไปด้วยการดูวีดีโอและทำแบบฝึกหัดส่งทุกสัปดาห์ ได้แก่ How Might We, Dream it Do it
  • แบบฝึกหัดที่ส่งมาจะมีโค้ชให้คำแนะนำผ่านคอมเมนต์และคำปรึกษา หรือเลือกรับคำแนะนำจากทีมงาน School of Changemakers ในรูปแบบคอมเมนต์ได้
  • เวิร์กช็อป Creative Idea for Change [on-site] เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดียกับเครือข่าย
    กลุ่มนักเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม
  • เกียรติบัตร เมื่อจบคอร์ส
  1. Prototype Sandbox (4 สัปดาห์) คอร์สเรียนออนไลน์ลงมือแก้ไขปัญหาสังคม และอีเวนท์ทดลองทำจริง เพื่อให้ได้แนวทางในการริเริ่มโปรเจกต์หรือกิจการสังคมต่อไป
  • 6 บทเรียนซึ่งประกอบไปด้วยการดูวีดีโอและทำแบบฝึกหัดส่งทุกสัปดาห์ ได้แก่ Idea Sketch, Try-out Desicion, Prototyping Loop, Synthesis Review, Prototype Journal, Reflection, Theory of Change
  • แบบฝึกหัดที่ส่งมาจะมีโค้ชให้คำแนะนำผ่านคอมเมนต์และคำปรึกษา
  • อีเวนท์ Prototype Try-out [on-site] เพื่อทดลองทำไอเดียกับกลุ่มเป้าหมาย

ระยะเวลาดำเนินกิจกรรม

5 – 21 พฤษภาคม  เปิดรับสมัคร
22 พฤษภาคมประกาศผลทีมที่ได้รับคัดเลือกผ่านทางอีเมล
29 พฤษภาคม 10.00 – 12.00ปฐมนิเทศ ผ่านทาง ZOOM
29 พฤษภาคม – 24 กรกฎาคมคอร์ส Insight Tanks (8 สัปดาห์) 
24 กรกฎาคม – 31 กรกฎาคมสรุปและประเมินผลการเรียนคอร์ส Insight Tanks
31 กรกฎาคม – 13 สิงหาคมคอร์ส Idea Pools (2 สัปดาห์)
13 สิงหาคมเวิร์กช็อป Creative Idea for Change แลกเปลี่ยน-เกลา-เสริมไอเดีย
14 สิงหาคม – 3 กันยายนสรุปและประเมินผลการเข้าคอร์ส Idea Pools
4 กันยายน – 10 ตุลาคมคอร์ส Prototype Sandbox (4 สัปดาห์)
  10 กันยายน 2565อีเวนท์ Prototype Try-out ทดลองต้นแบบ
10 ตุลาคม – 17 ตุลาคม• สรุปและประเมินคอร์ส Prototype Sandbox
• ประเมินผลการเข้าโครงการ YESGI
• ส่งผู้เรียนที่ต้องการนำผลการทดลองต้นแบบมาพัฒนาเป็นโมเดลแก้ไขปัญหาสังคม

ข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ ของโครงการ 

  1. https://www.schoolofchangemakers.com/event/idpl-yesgi/
  2. https://www.schoolofchangemakers.com/event/insight-tanks-2022-young-esg-innovator/
  3. https://www.schoolofchangemakers.com/event/idplclub/?fbclid=IwAR0osJViG6_qpCUPorDH_HirZDmw3UO93a2e7e7XPPWW9Zf2yfS8gmKBzGg

ส่งมอบที่พักคอยเพื่อประชาชน ให้กับสถาบันบำราศนราดูร ถวายเป็นพระราชกุศลฯ

มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ส่งมอบที่พักคอยเพื่อประชาชน ให้กับสถาบันบำราศนราดูร ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

คงจะดีไม่น้อยถ้าระหว่างรอรับการรักษาจะมีพื้นที่ที่ช่วยเยียวยาจิตใจของผู้ป่วย และญาติ ให้สดชื่นเบิกบาน มีกำลังใจ และมีความหวัง เพราะ “เมื่อใจสบาย ความทุกข์ทางกายก็จะเบาบางลง”

มอบนวัตกรรมไอซียูโมดูลาร์ (MODULAR ICU) ให้โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

มูลนิธิเอสซีจี ผนึกพลัง มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก ส่งมอบนวัตกรรมไอซียูโมดูลาร์ (MODULAR ICU) ให้โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กู้วิกฤตเตียงผู้ป่วยโควิดสีแดง รองรับโรคอุบัติใหม่ในอนาคต

ห้อง MODULAR ICU นี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจได้มากขึ้นถึง 9 เตียง และในอนาคตจะถูกใช้เป็นอาคารไอซียูถาวรเพื่อรองรับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ต่อไป

School​ Project​ Esports​ Tournament

มูลนิธิ​เอส​ซี​จี​ร่วม​กับทีม King of​ Gamers​Club​ (KOG)​ ดำเนินโครงการ​ School​ Project​ Esports​ Tournament​ ​จัดการแข่งขัน​ที่โรงเรียนธรรมศาสตร์​คลองหลวง​ จ.ปทุมธานี​ 

เพื่อ​ส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาทักษะของเยาวชน​ ตลอดจน​เปิดโอกาส​ให้ได้เรียน​รู้เส้นทางอาชีพ​ในอุตสาหกรรม​อีสปอร์ตตั้งแต่​รับสมัคร​ ประชาสัมพันธ์​ จัดการ​แข่งขัน​ หลักสูตร​การเรียน​ต่อในระดับมหาวิทยาลัย​ ตลอด​จนอาชีพ​ต่าง​ๆ ในอุตสาหกรรม​อี​สปอร์ต​เพื่อให้เยาวชนได้มีทางเลือกในการประกอบอาชีพในอนาคต​

มาก​กว่ารางวัล​ คือ​ โอกาส​ ที่ได้เรียน​รู้​อาชีพ​ในอุตสาหกรรม​อี​สปอร์ต​ เพราะ​อีสปอร์ต​ถือเป็น​เทรนด์​อาชีพ​ใหม่​ที่กำลัง​เติบโต​ คืออีก​หนึ่ง​ทางเลือก​ อีกหนึ่งทางรอด​ของเด็ก Genนี้

#มูลนิธิเอสซีจี #KOG  #ESPORTS 

#เรียนรู้เพื่ออยู่รอด #LearnToEarn #รุ่นนี้ต้องรอด

สภากาชาดไทย X เอสซีจี X มูลนิธิเอสซีจี ร่วมบริจาคโลหิตช่วยต่อชีวิต ให้กับเพื่อนมนุษย์

รวมเลือดชาวเอสซีจี ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแก๊ง ปันโอกาส บริจาคเลือดให้กับผู้ป่วย
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ณ ห้องโถง สนญ.1 เวลา 9.00 น. – 15.00 น.
และพบกับกิจกรรมดีๆ เช่นนี้อีกครั้ง วันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ณ โรงงานปูนทุ่งสง
รวมทั้งหากเพื่อนๆ ได้ไปร่วมบริจาค ณ สถานรับบริจาคโลหิตทุกแห่ง จนถึง 31 กรกฎาคม นี้
เมื่อนำหลักฐานการบริจาคเลือดภายในระยะเวลาที่กำหนดนี้มาแสดง รับไปเลยเสื้อ “ปันโอกาส”

ขอพลังแห่งการให้ครั้งนี้ ส่งผลให้ทุกท่านสุขใจ สุขภาพแข็งแรง

ต้นกล้า​ชุมชน​ โดย​ มูลนิธิ​เอส​ซี​จี เรียน​รู้​เพื่อ​อยู่รอด​ พึ่ง​พา​ตัวเอง​ได้อย่างยั่งยืน

มูลนิธิ​เอส​ซี​จี​จัดงาน​มอบประกาศ​นีย​บัตร​ให้แก่นักพัฒนา​ชุมชน​รุ่น​ใหม่ที่เข้าร่วมโครงการ​ต้นกล้า​ชุมชน​ รุ่น​ที่​ 3-5​ ที่จะหยั่งรากและเติบโตงอกงามบนผืนดินในท้องถิ่นของตนเองกว่า​ 30​ คน​ ทุกภูมิภาค​ทั่วประเทศ​ เพราะ​มูลนิธิเอสซีจี​ เชื่อว่า ไม่มีการสร้างใดจะยั่งยืนไปกว่าการสร้าง ‘คน’ และปรารถนาที่จะสร้างคนรุ่นใหม่ให้อยู่​ได้​ในชุมชน​และเป็​นกำลัง​สำคัญ​ในการพัฒนาภูมิลำเนาบ้านเกิดของตนเองให้เข้มแข็ง​อย่างยั่งยืน

“collaboration” ด้วยพลังของทุกคนทำให้เราผ่านพ้นวิกฤตโควิด 19 กันมาได้

มูลนิธิเอสซีจี​ และ SCGP รับมอบโล่ขอบคุณจาก ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในความร่วมมือสนับสนุนภารกิจฝ่าวิกฤตโควิด 19 โดยที่ผ่านมามูลนิธิเอสซีจีและเอสซีจี ได้สนับสนุน​เตียงสนามกระดาษ​ ให้กับ รพ.สนามในการดูแลของ​ อว. เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีเตียง รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที

หนุนอีสปอร์ต ทางรอดใหม่ สร้างรายได้ให้สายเกม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมอีสปอร์ต (Esports) เติบโตเป็นอย่างมาก ทั่วโลกต่างให้การยอมรับ โดยในประเทศไทยได้กำหนดให้กีฬาอีสปอร์ตเป็นกีฬาอาชีพในปี พ.ศ.2564 เพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาอาชีพดังกล่าว มูลนิธิเอสซีจีเล็งเห็นความสำคัญและมุ่งเน้นส่งเสริมศักยภาพของเยาวชน ตามแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด จึงร่วมสนับสนุนการพัฒนาทักษะ และผลักดันอาชีพอีสปอร์ต เพื่อให้เยาวชน Gen Z ได้มีทางเลือกที่หลากหลาย หางานทำได้อย่างมั่นคง จากอาชีพอีสปอร์ต  ตลอดจนก้าวไปถึงการเป็นตัวแทนประเทศเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีโลกต่อไป

“มูลนิธิเอสซีจีเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องการสร้าง “คน” ด้วยการวางแนวทางการพัฒนาทักษะของเยาวชนให้ตอบโจทย์ และตรงกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ผ่านแนวคิด Learn to Earn ที่มุ่งเน้นให้ทุนการศึกษาที่จะช่วยหนุนและเสริมสร้างพัฒนาทักษะให้กับคนรุ่นใหม่ ด้วยทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่จะสามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพต่างๆ โดยในปีนี้มูลนิธิเอสซีจีได้ร่วมมือกับทีม King Of Gamers Club (KOG)  จัดการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต (Tournament School Project) ในสถานศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา และสนับสนุนการเข้าร่วมการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ 2022 ขึ้นเป็นปีแรก เพื่อสร้างการรับรู้ ส่งเสริมอาชีพกีฬาอีสปอร์ต และสร้างโอกาสให้เยาวชนได้แสดงความสามารถ พร้อมร่วมสนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมอีสปอร์ตไทยสู่สากล” สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าว

“นักกีฬาอีสปอร์ต”  ที่แม้ว่าอาจจะยังมีบางคนที่ยึดติดกับความคิดหรือความเชื่อเดิมๆ ว่า เป็นเรื่องของเด็กติดเกม แต่เด็กติดเกมหลายคนในปัจจุบัน ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ถึงพวกเขาจะติดเกมแต่พวกเขาก็มีอนาคตที่ดีได้จากเกม นักกีฬาอีสปอร์ตหลายคนที่สวมหมวกสองใบ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ตราบใดที่พวกเขามีวินัยรู้จักจัดการและแบ่งเวลาเรียนและเวลาซ้อมให้สมดุลกัน พวกเขาก็สามารถที่จะเรียนและเล่นไปพร้อมๆ กันได้ ที่สำคัญ อาชีพนักกีฬาอีสปอร์ต รวมถึงอาชีพอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ โค้ช ผู้จัดการทีม นักพากษ์ นักแคสเตอร์เกม ตากล้อง นักพัฒนาและออกแบบเกม คนสร้างคอนเทนต์ด้านเกม คนทำออร์กาไนเซอร์ คนทำเทคโนโลยีด้านเกม ฯลฯ ต่างก็เป็นอาชีพที่มีความมั่นคงไม่ต่างไปจากอาชีพอื่น สามารถมีรายได้มากเพียงพอที่จะเลี้ยงดูทั้งตัวเองและสมาชิกในครอบครัวได้ ด้วยรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนเป็นตัวเลขถึงห้าหลักเลยทีเดียว

อายุไม่สำคัญขอแค่มีฝีมือ

นักกีฬาอีสปอร์ต เป็นอาชีพที่ไม่จำกัดทั้งเพศและอายุ ทุกอย่างวัดกันที่ฝีมือล้วนๆ พัตเตอร์ – จักรภัทร โชตะวัน หนุ่มน้อยวัย 14 สมาชิกที่อายุน้อยสุดของทีม KOG ผู้เล่นในตำแหน่ง Dark Slayer Lane ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการบริหารจัดการเวลาได้ดีทั้งเรื่องเรียนและเรื่องเกม

ปัจจุบัน นอกจากการเป็นนักกีฬาที่ต้องฝึกซ้อมตามตารางเวลาที่โค้ชกำหนดอย่างเคร่งครัดแล้ว “พัตเตอร์” ยังต้องเรียนหนังสือควบคู่กันไป โดยตารางการฝึกซ้อมที่โค้ชกำหนดให้นั้น ช่วยให้พัตเตอร์บริหารจัดการเวลาให้สามารถ “เรียน” และ “เล่น” ไปพร้อมๆ กันได้ แม้ว่าบางวันที่เขาอาจจะใช้เวลาซ้อมนานกว่าปกติ ทำให้ต้องลดเวลานอนพักผ่อนลงไปบ้างก็ตาม แต่ผลการเรียนของพัตเตอร์ก็ยังไม่ตก และฝีมือการเล่นของพัตเตอร์ก็พัฒนาขึ้นจนทำให้ก้าวจากรุ่นจูเนียร์มาสู่รุ่นใหญ่ได้ในเวลาไม่นาน  

“พัตเตอร์” เข้าสู่วงการเกมจากการรวมทีมกับเพื่อนๆ คอเดียวกัน ลงแข่งเพื่อฝึกฝนตัวเองมาเรื่อยๆ ตามทัวร์นาเม้นท์เล็กๆ และมาเริ่มเล่นอย่างจริงจังตอนอายุประมาณ 13 ปี เมื่อมาสังกัดทีม KOG ในช่วงแรก ยังอยู่ในรุ่นจูเนียร์ แต่ด้วยฝีมือการเล่นที่เข้าตาโค้ชที่ไปสังเกตการณ์การแข่งขันในวันนั้น ทำให้โค้ชตัดสินใจพาตัว “พัตเตอร์” ข้ามรุ่นจากจูเนียร์มาสู่ชุดใหญ่ ในที่สุด

“ตอนอยู่ชุดเล็ก ก็เล่นแบบสนุกสนาน เพราะคนในทีมก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่พอย้ายมาชุดใหญ่ ก็รู้สึกกดดันมากขึ้นเพราะเป็นการอัพเลเวลที่ก้าวกระโดดพอสมควร ลีกการแข่งขันก็เป็นลีกที่สูงขึ้น ตอนช่วงที่เข้ามาในทีมก็เป็นช่วงที่กำลังจะแข่ง ต้องปรับตัวหนักมากเพื่อที่จะได้ตามพี่ๆ ในทีมให้ทัน แม้เวลาฝึกซ้อมจะมีไม่มากแต่ผมก็ตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่” 

ด้วยฝีมือการเล่นที่ไม่ธรรมดาของ “พัตเตอร์” ก็สามารถพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นถึงความสามารถด้านเกม ทำให้ได้รับการยอมรับจากทุกคนในทีม รวมถึงผู้ปกครองของ “พัตเตอร์” เองก็เปิดใจยอมรับมากขึ้นถึงความสามารถของตัว “พัตเตอร์” เอง

“ตอนที่บอกพ่อกับแม่ว่า นี่คือเงินที่หามาได้จากการเล่นเกม พ่อกับแม่ก็ภูมิใจและเริ่มให้การยอมรับในสิ่งที่ผมทำ ความตั้งใจของผม คืออยากเรียนไปด้วย แข่งไปด้วย อยากได้แชมป์โปรลีกในไทย และมีโอกาสได้ไปแข่งที่ต่างประเทศ”

เรียน-เล่น ไปด้วยกันได้ แค่รู้จักแบ่งเวลาให้ดี

มิดเลนวัย 18 ของทีม King of Gamers Club (KOG) ปุ๊ปู่ – ธนดล นันทาภรณ์ศักดิ์ เป็นนักกีฬาอีกคนหนึ่งที่ยืนยันได้ว่า สามารถใช้ชีวิตการเรียนควบคู่ไปกับการเล่นได้ หากสามารถจัดสรรเวลาเรียนและเล่นให้ชัดเจน และการเป็นนักกีฬาสังกัดในทีม KOG ก็ช่วยได้มาก เพราะตารางการฝึกซ้อมที่โค้ชกำหนดไว้ให้นั้นเหมาะสมที่ “ปุ๊ปู่” จะใช้สำหรับการเรียนและเล่นเกมไปได้ในเวลาเดียวกัน

“ปุ๊ปู่” เล่าว่า ชีวิตการเล่นเกมของเขาเริ่มขึ้นในช่วงวัย 15 ปี จากการรวมทีมแข่งกับเพื่อนตามทัวร์นาเมนต์เล็กๆ ตามร้านเกม พอแข่งไปเรื่อยๆ ก็มีรุ่นพี่ในวงการมาชักชวนให้ไปร่วมทีมที่ใหญ่ขึ้น จนได้มาแข่งทัวร์นาเมนต์ของ KOG ที่จัดขึ้นเพื่อคัดทีมเข้าไปแข่งรอบโปรลีก และทีมของตนชนะ จึงได้เข้ามาสังกัดอยู่กับ KOG ทั้งทีม

“ปุ๊ปู่” บอกว่าตารางฝึกซ้อมที่โค้ชจัดให้ ไม่ตรงกับเวลาเรียนอยู่แล้ว และยังมีช่วงเวลาพักหรือวันหยุดที่สามารถใช้ทำการบ้านหรืออ่านหนังสือเพิ่มเติมได้ ล่าสุด “ปุ๊ปู่” ได้รับตอบรับการเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในสาขากีฬาอีสปอร์ตเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเขาบอกว่ายังอยากเรียนต่อไปพร้อมๆ กับทำให้ได้ตามเป้าหมายคือเป็นมิดเลนอันดับหนึ่งของไทย ก่อนจะก้าวต่อไปให้ถึงฝันคือไปเล่นลีกต่างประเทศที่เป็นลีกระดับนานาชาติ   

“ตอนที่ตัดสินใจเข้ามาเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตเต็มตัว ก็บอกกับคุณแม่ตรงๆ ว่าตอนนี้เป็นนักกีฬาอาชีพ

แล้ว คุณแม่ปล่อยอิสระให้ตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ก็มีบอกว่า อยากให้เรียนจนจบด้วย และก็พร้อมสนับสนุนในสิ่งที่ตัดสินใจ ตัวผมก็คิดว่าจะไม่ทิ้งการเรียน แต่จะยังเรียนต่อไปพร้อมกับเล่นเกม เพราะที่ผ่านมาเราก็ทำได้ เพียงแต่ตัวเราต้องมีวินัยแบ่งเวลาเรียนกับเวลาฝึกซ้อมให้ดี ก็จะสามารถเรียนไปด้วยเล่นเกมไปด้วยได้ แล้วยิ่งตอนนี้ อีสปอร์ตได้รับการยอมรับมากขึ้น มีหลักสูตรการเรียนในระดับปริญญาตรีสาขานี้มารองรับ ทำให้มั่นใจว่า อาชีพด้านอีสปอร์ตจะสามารถสร้างความมั่นคงให้ได้หากจะต้องยึดเป็นอาชีพจริงจังต่อไปในอนาคต”

ติดเกมแต่ก็มีอนาคตดีๆ ได้

ซัน – ณัฐดนัย รุ่งเรือง ผู้เล่นตำแหน่งโรมมิ่งในทีม KOG นักกีฬาอีสปอร์ต วัย 28 ปี  เล่าว่า ตนเองชื่นชอบเรื่องของการแข่งขันมาตั้งแต่เด็ก เข้าสู่วงการเกมตอนเรียนมัธยมต้น เล่นเกมอยู่ราวๆ 3 ปี จึงตัดสินใจเริ่มลงสนามแข่ง ซึ่งในยุคนั้น เป็นเพียงแม็ทช์เล็กๆ ที่จัดแข่งเพื่อเรียกคนมาเล่นเกมตามร้านเกม มีเงินรางวัลเล็กน้อยติดปลายนวมพอให้นำไปต่อยอดเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มได้อีกหลายแม็ทช์ จนมาประสบความสำเร็จ ชนะได้เงินรางวัลหลักหมื่นตอนอายุเกือบ 17 หลังจากนั้นก็ฝึกฝนต่ออีกเกือบ 3 ปี จึงได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งในเวทีใหญ่ๆ ในต่างประเทศ รวมถึงเป็นตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตเป็นชุดแรก ถือเป็นการเปิดโลกกว้างและเป็นประสบการณ์ที่ดีให้กับคนที่มีใจรักการแข่งขันในเกมอย่าง “ซัน” ได้เป็นอย่างดี

ทุกครั้งที่ “ซัน” แข่งชนะและได้เงินรางวัลมา เขาจะนำเงินรางวัลที่ได้มามอบให้คุณแม่เสมอ  แต่เพราะคำว่า “เด็กติดเกม”ที่ได้ยินได้ฟังจากคนรอบๆ ตัว ทำให้ความรู้สึกลึกๆ ในใจของ “ซัน” ต่อต้านและไม่ยอมรับว่าตัวเขานั้นชอบเล่นเกม แต่แม้ว่า “ซัน” จะไม่ได้ออกมาประกาศให้โลกรู้อย่างชัดเจนว่าตัวเอง “เล่นเกม” แต่ “ซัน” ก็สามารถพิสูจน์ให้ใครๆ ได้เห็นแล้วว่า การติดเกมของเขานั้น ไม่ได้ทำให้อนาคตของเขาแย่อย่างที่หลายคนวิตก 

“ผมเคยพยายามบอกตัวเองว่า ที่เล่นเกมเพราะมันได้เงิน เพราะใจผมไม่อยากยอมรับว่าตัวผมนั้นชื่นชอบการเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ เคยถึงขนาดออกจากวงการเกมไปทำอย่างอื่นพักใหญ่ๆ แต่สุดท้ายแล้ว ก็ค้นหาตัวเองจนได้รู้ว่าสิ่งที่ชอบก็คือเกมนี่แหละ ก็เลยคิดได้ว่า ในเมื่อเรามี skill ทางด้านนี้อยู่ แล้วเราจะปฏิเสธมันทำไม และแม้ว่าอายุผมจะมากกว่าใครในทีม แต่ผมก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การเล่นเกมให้ได้ดีนั้น อยู่ที่แรงบันดาลใจที่หล่อเลี้ยงมาจากความรัก ความชอบและทักษะที่สั่งสมมา และบวกกับความชื่นชอบการแข่งขันที่ผมมีอยู่เป็นทุนเดิม แม้ว่าผมจะเคยไปแตะๆ อาชีพอื่นในแวดวงกีฬาอีสปอร์ต แต่สุดท้าย ใจก็สั่งมาว่าให้กลับมาที่การเป็นนักกีฬา เพราะผมยังรักที่จะแข่งขันอยู่ และแม้ว่าผมจะยังก้าวไปไม่ถึงเป้าหมายตามความฝันคือการเป็นแชมป์โลก แต่นั่นก็ทำให้ผมยังมีเป้าหมายที่จะต้องผลักดันตัวเองให้ก้าวไปถึงจุดนั้นให้ได้ในสักวันหนึ่ง”

โค้ชมีส่วนช่วยปั้นนักกีฬาให้ดี  

ฮิวโก้ – พงษ์ปณต เรืองอารีรัตน์ Head Coach หนุ่มอนาคตไกลวัย 26 ปี ของทีม KOG ผู้ผันตัวเองจากนักกีฬาอีสปอร์ตมาเป็น Head Coach “ฮิวโก้” เป็นตัวอย่างที่ดีของนักกีฬาอีสปอร์ตที่ไม่เคยทิ้งการเรียน เพราะเขาคือบัณฑิตจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสาขาการเรียนที่เขาชอบ แต่ในวันนี้ เขาขอเดินตามความฝันของตนเองที่จะทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักที่จะทำ นั่นคือเกม และวันนี้ “ฮิวโก้” ได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เขาสามารถทำตามความฝันได้ และมีความสุขใจในทุกวันกับอาชีพที่เขารัก

“ฮิวโก้” รักการเล่นเกมมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล แต่เริ่มเข้าสู่วงการแข่งขันจริงๆ จังๆ ตอนช่วงประถมปลาย พอเริ่มขึ้นชั้นมัธยมต้น “ฮิวโก้” ก็เริ่มตั้งความฝันอยากจะประสบความสำเร็จเหมือนพี่ๆ เกมเมอร์ที่เป็นแชมป์ แล้วฝันของเขาก็เป็นจริงขณะที่เป็นนิสิตชั้นปี 4 เมื่อเขาคว้าแชมป์จากรายการ King of Gamers – Season 1 และได้เซ็นสัญญาเข้าเป็นนักกีฬาอาชีพ (Turn Pro Player) ในสังกัด King of Gamers (KOG)

“เมื่อผมได้เข้ามาสู่วงการเต็มตัว ผมทำทุกอย่างภายใต้กรอบของเวลาที่ชัดเจน ทั้งการเรียนและการฝึกซ้อม ตอนเป็นนักกีฬาก็ดูแลแต่เวลาของตัวเอง แต่พอมาเป็นโค้ช ก็ต้องดูตารางเวลาของนักกีฬาที่เราดูแลทุกคน นอกจากตารางเวลาการเรียนและการฝึกซ้อมของนักกีฬาแล้ว ผมได้ใช้ประสบการณ์ที่เคยเป็นนักกีฬามาก่อน มาใช้ดูแลน้องๆ ในทีม ทั้งเรื่องการเรียน การเล่น การใช้ชีวิตของพวกเขา”

“ผมอยากให้ทุกคนมองว่าไม่ใช่เรื่องผิดที่เด็กอยากเป็นเกมเมอร์ และก็ไม่อยากให้น้องๆ ต้องทิ้งการเรียนเพื่อเกม เพราะเกมไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต แต่มันสามารถบาลานซ์เข้าด้วยกันได้ อย่างตัวผมเองก็จะมีจุดตรงกลางมาตลอดทั้งเรื่องเรียนและการฝึกซ้อม ผมจะทำข้อตกลงกับที่บ้านว่าจะไม่ให้ผลการเรียนตกลงไปกว่านี้ ผมสัญญากับพ่อแม่ว่า ผมจะไม่ดร็อปเรียน จะไม่เรียนให้ติดเอฟ ถ้าทำได้ ขอซ้อมเกมตามเวลาที่ต้องการ ถ้าเราทำได้ตามที่ตกลงกันไว้ ผู้ปกครองก็จะเปิดใจและเปลี่ยนความคิด เลิกมองว่าการเล่นเกมไม่ดี และการเข้าไปในเกม ต้องเข้าไปแบบนักกีฬา ไม่ใช่เข้าไปแบบเด็กติดเกม เพราะการเป็นนักกีฬา ทุกคนจะมีเป้าหมาย มีความฝัน ว่าเข้ามาเล่นเพื่อพัฒนาตนเองให้มีทักษะที่ดีขึ้น เพื่อจะได้ก้าวไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตัวผมเองเล่นเกมแต่ก็เรียนจนจบมาได้ และเชื่อว่าคนอื่นก็ต้องทำได้ด้วย”  

สร้างคน สร้างทักษะ พัฒนาวงการอีสปอร์ต

มูลนิธิเอสซีจีร่วมกับ KOG เดินหน้าผลักดันสานฝันชาวเกมเมอร์ เพราะมองเห็นโอกาสที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจในกีฬาอีสปอร์ตให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ ด้วยการแนะแนวอาชีพในอุตสาหกรรมอีสปอร์ตตามโรงเรียนมัธยมหลายแห่ง ภายใต้โครงการ King of Gamers School Project  ประเดิมนำร่องที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี  และโรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม โดยได้ Head Coach ฮิวโก้ เป็นหัวเรือหลักในการแนะแนวให้ความรู้กับน้องๆ เยาวชนที่ไม่ใช่การจัดบรรยายทั่วไป แต่เป็นการให้ความรู้ในรูปแบบของการ Learning by Doing ด้วยการรับสมัครนักเรียนในโรงเรียนนั้นๆ มาร่วมกันทำโปรเจ็คทัวร์นาเม้นต์ในโรงเรียน เพื่อให้ทุกคนได้มีประสบการณ์จริง ได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริงว่าแต่ละหน้าที่ของกีฬาอีสปอร์ต ต้องทำอะไร อย่างไร ซึ่งจะช่วยจุดประกายความฝัน และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมถึงเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่สนใจเข้ามาสู่อาชีพในวงการกีฬาอีสปอร์ต อันเป็นหนึ่งในแนวทางการพัฒนากีฬาอีสปอร์ตของไทยตามนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทย

ไม่ใช่แค่เรื่องของเด็กติดเกม

แม้ “อีสปอร์ต” จะยังค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่ของประเทศ แต่การให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เยาวชนที่สนใจเข้ามาสู่วงการอีสปอร์ต รวมถึงการสร้างทัศนคติใหม่ต่อ “อีสปอร์ต” ตลอดจนความสำเร็จของนักกีฬาอาชีพที่สามารถประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กันทั้งเรื่องเรียนและเรื่องเกม จะเป็นสิ่งพิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่า “อีสปอร์ต” ไม่ใช่เรื่องของ “เด็กติดเกม” แต่เป็นเรื่องของ Sport Entertainment เมื่อเรื่องเรียนกับเรื่องเล่นเป็นเรื่องเดียวกันได้ และเริ่มจากการเชื่อมั่นว่า เมื่อเด็กรักสิ่งใด เราก็สนับสนุนพวกเขาไปให้สุดทาง ด้วยการให้ความรู้และหนุนเสริมทักษะ ผลักดันให้เกิดการพัฒนา เปลี่ยนความชอบเป็นอาชีพ เพราะมูลนิธิเอสซีจีเชื่อมั่นว่าก้าวแรกของการสร้างคนให้เป็น “คนเก่งและดี” นั้น เริ่มจากการให้โอกาส

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิเอสซีจี ได้ที่ www.scgfoundation.org   และเฟซบุ๊ก LEARNtoEARN

#LearntoEarn #เรียนรู้เพื่ออยู่รอด #รุ่นนี้ต้องรอด #มูลนิธิเอสซีจี

ผนึกกำลัง Generation Thailand สร้างคน ลดช่องว่างทักษะ ลดช่องว่างทางสังคม

เจเนเรชั่น ประเทศไทย (Generation Thailand) ผสานพลังความร่วมมือกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) และมูลนิธิเอสซีจี แถลงข่าว GenNX Model ผนึกกำลังสร้างคน ลดช่องว่างทักษะ ลดช่องว่างทางสังคม เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเชิงระบบด้านกำลังคนและแรงงาน โดยมูลนิธิเอสซีจีเป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือที่ผลักดันการมีทักษะที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ แบบเรียนเร็ว จบเร็ว มีงานทำ ตามแนวทาง Lean to Earn 

พร้อมได้พบปะและพูดคุยกับนร.ทุนที่ได้รับการสนับสนุนให้ร่วมโครงการพัฒนาทักษะของ Generation Thailand : Generation JSD#1 นักพัฒนาซอฟต์แวร์รุ่นแรกของเจเนเรชั่น “น้องลูกน้ำ – ณิชารีย์ พรหมบุตร” โดยน้องลูกน้ำได้ส่งกำลังใจถึงพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนให้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ด้วย https://vt.tiktok.com/ZSd7jYVx9/?k=1

#Learntoearn #รุ่นนี้ต้องรอด #GenerationThailand #GenNX #GenTH

มูลนิธิเอสซีจีร่วมเฉลิมฉลองเทศกาล Pride Month 2022 ผ่านงานนิทรรศการศิลปะ LGBTQ+ ที่ทุกคนเท่ากัน อยู่ด้วยกันอย่างเท่าเทียม

ในเดือนมิถุนายน ของทุกปีถือเป็น Pride Month เดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่ม LGBTQ + มูลนิธิเอสซีจี องค์กรสาธารณกุศลที่มีพันธกิจในเรื่องเชื่อมั่นในคุณค่าของคน จึงร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญนี้โดยจัดนิทรรศการศิลปะ  Pride Month   Pride of all Genders ความภาคภูมิใจของทุกเพศอย่างเท่าเทียม ขึ้นเป็นปีแรก โดยผนึกกำลังกับศิลปินรุ่นใหม่ จำนวน 5 ท่าน นำโดย ฑีฆวุฒิ บุญวิจิตร, นรภัทร ศักดิ์อาธรทรัพย์, นักรบ มูลมนัส, ภาราดา ภัทรกุลปรีดา และนารีญา คงโนนนอก รังสรรค์ผลงานศิลปะสร้างสรรค์สังคม           จัดแสดงระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน  – 3 กรกฎาคม 2565 ณ ห้อง New Gen Space Space For All Generations โดย มูลนิธิเอสซีจี ชั้น 3 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC ) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความเสมอภาค และความเท่าเทียม

สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ว่า “มูลนิธิเอสซีจี เป็นองค์กรที่เห็นความสำคัญและเชื่อมั่นในคุณค่าของคนตลอดมา เราเชื่อว่าทุกคนล้วนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเพศใด วัยใด ก็ภาคภูมิใจที่ได้เป็นตัวเอง ในเดือนมิถุนายนนี้ที่ถือเป็นเดือนที่ให้ความสำคัญกับสิทธิของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลก มูลนิธิฯ จึงถือโอกาสร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลดังกล่าวผ่านนิทรรศการศิลปะ Pride Month  Pride of all Genders ตลอดทั้งเดือน โดยร่วมกับศิลปินชาย ศิลปินหญิง และศิลปิน LGBTQ+ ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับกลุ่ม LGBTQ+ ในรูปแบบศิลปะหลายสาขา อาทิ จิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปะสื่อผสม ศิลปะ NFT และศิลปะการจัดวาง เพื่อสื่อสารกับสังคมผ่านผลงานศิลปะ ในประเด็นความหลากหลายทางเพศหลากหลายมิติที่เปิดกว้างมากขึ้นในปัจจุบัน และสร้างการตระหนักรู้ ในสิทธิ์ เสรีภาพ ความเท่าเทียม ให้เกิดการยอมรับต่อผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ตลอดจนสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ทางเพศของทุกคน”

  ด้าน บอล นรภัทร ศักดิ์อาธรทรัพย์  ศิลปิน LGBTQ+ เจ้าของรางวัลดีเด่น สาขา ภาพถ่าย โครงการรางวัลยุวศิลปินไทย โดย มูลนิธิเอสซีจี ประจำปี 2016 ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดนิทรรศการนี้กล่าวว่า “ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย เราไม่เคยบอกใครเลยว่าเป็นเพศทางเลือก เราต้องการที่จะปกปิดสิ่งนี้เอาไว้ เพราะรู้สึกว่าไม่พร้อมที่จะพูด จนมาถึงจุดหนึ่งที่เราไปทำงาน และคิดว่าอยากบอกใครสักคน ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นคน ๆ นั้นเอาเรื่องของเราไปพูดต่อกันในแผนก เขาทำเหมือนว่าเป็นเรื่องตลก ทำให้เรารู้สึกว่าสุดท้ายแล้วเราก็ยังไม่กล้าที่จะบอกกับใครว่าเราเป็นอะไร จึงตัดสินใจใช้งานศิลปะเป็นตัวกลางในการสื่อสารและบอกเล่าเรื่องราวความรู้สึก พูดเรื่องเพศสภาพ จากผลงานชิ้นแรกนั้นกลายเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้เราสร้างสรรค์งานที่กล้าเปิดเผยตัวตนได้มากขึ้นจนในปัจจุบันนี้เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเราเป็นเพศทางเลือก และในงานนิทรรศการศิลปะ LGBTQ+นี้ เราได้สร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาใหม่ที่ยังไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อนที่มีชื่อผลงานว่า Hydrilla เป็นงานศิลปะแบบจัดวาง โดยได้นำพืชมาเป็นตัวหลักในการเล่าเรื่องจึงได้มีการเก็บรวบรวมสาหร่ายหางกระรอกจากหลายภูมิภาคในประเทศไทยมาจัดวางในตู้ปลาในที่เดียวกัน เพราะสาหร่ายหางกระรอก เป็นพืชที่มีทั้งเป็นต้นแยกเพศและต้นที่มีทั้งสองเพศจึงถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์แทนเพศทางเลือกเพื่อสะท้อนให้ทุกคนได้มองเห็นว่า ไม่ว่าคุณจะมาจากภูมิภาคไหน พื้นที่ถิ่นฐานใด หรือเป็นเพศอะไร ก็สามารถอยู่ร่วมกัน ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขได้ในสังคม”

ด้าน นารีญา คงโนนนอก ศิลปินสาวเลือดใหม่ เจ้าของรางวัลยอดเยี่ยม สาขา ศิลปะ 3 มิติ โครงการรางวัลยุวศิลปินไทย โดย มูลนิธิเอสซีจี ประจำปี 2019 กล่าวเสริมว่า “ในครอบครัวของเรามีสมาชิกในครอบครัวที่เป็น LGBTQ+ ซึ่งครอบครัวของเราก็ยอมรับได้ และพร้อมสนับสนุนให้เขาได้เติบโตอย่างงดงามในทุก ๆ ด้าน จึงนำเรื่องราวความรัก ความเข้าใจ สายใยความอบอุ่นในครอบครัว มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานประติมากรรม ชื่อผลงาน รื่นเริง  เพื่อถ่ายทอดให้สังคมได้เห็นว่าความแตกต่างของแต่ละเพศ ไม่ว่าจะเป็น ชาย หญิง หรือแม้กระทั่งเพศทางเลือก ทุกเพศ ทุกคน ล้วนเเล้วเเต่มีมนต์เสน่ห์ที่ต่างกันออกไป มีคุณค่าเเละความน่าหลงใหลที่อยู่ในตัวของเเต่ละคน เเต่ละเพศ เเละเมื่ออยู่รวมกันจึงเกิดเป็นสีสันเเห่งความแตกต่าง ทำให้เกิดสิ่งที่งดงามทางด้านสังคมเเละจิตใจ อีกทั้งยังบังเกิดความหลากหลายได้อย่างลงตัวเเละสมบูรณ์”

ทั้งนี้ภายในงานตลอดเดือนมิถุนายนยังอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมายทั้งโซนให้ความรู้เล่าประวัติความเป็นมาจุดเริ่มต้นของการจัดเทศกาล Pride Month จากทั่วโลก การจัดแสดงธงสัญลักษณ์ของผู้หลากหลายทางเพศ กิจกรรม Pride Wall  ที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างผลงานศิลปะ เพียงถ่ายรูปภายในงานแล้วส่งภาพให้ทีมงานปริ้นเป็นภาพโพราลอยด์เพื่อเขียนข้อความส่งต่อกำลังใจที่แสดงพลังสนับสนุน LGBTQ+  โซน Pride Floor เปิดพื้นที่แห่งโอกาสสร้างเวทีให้ทุกคนได้มาแสดงความสามารถอย่างเป็นตัวเอง ไม่ว่าจะร้อง เล่น เต้นพูด ได้อย่างอิสระ ในวันอังคารถึงวันอาทิตย์ เพื่อให้ทุกคนได้เป็นตัวเองอย่างมีความสุข และกิจกรรมเสวนาแบบ Hybrid Event ทุกวันเสาร์ที่นำคนที่ประสบความสำเร็จ อาทิ  ลอเรน ม้าม่วง YouTuber และ TikToker ชื่อดัง, แบง ปฏิธาร บำรุงสุข เจ้าหญิงแห่งวงการเผาศพ,ภูวดล เนาว์โสภา. น้องมอส ภาณุวัฒน์ และน้องแบงค์ มณฑป ผู้กำกับและนักแสดงจากซีรีย์วายเรื่องมังกรกินใหญ่ และครูกอล์ฟ พิทักษ์ หังสาจะระ นักจัดดอกไม้ ครูผู้ปั้นเด็กไทยไปไกลถึงเวทีโลก ที่ผลัดกันมาแลกเปลี่ยนพูดคุยเพื่อจุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจ และปลุกไฟในตัวคุณให้กลับมาสู้ชีวิต ซึ่งสามารถเดินทางมาชมนิทรรศการและร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้ที่ ห้อง New Gen Space Space For All Generations โดย มูลนิธิเอสซีจี ชั้น 3 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC ) หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม และรับชมการถ่ายทอดสดได้ผ่านเฟสบุ๊ค YoungThaiArtistAward

มูลนิธิฯ พร้อมร่วมขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมเพื่อผู้มีความหลากหลายทางเพศ ตลอดจนประชาชนทุกคนให้ได้หยัดยืนอย่างภาคภูมิในฐานะมนุษย์ปุถุชนอันพร้อมด้วยศักดิ์ศรีและสิทธิของความเป็นมนุษย์ที่ไม่ถูกลดทอนคุณค่าของความเป็นคนเก่งที่มีความสามารถที่หลากหลาย และเป็นคนดีที่มีจริยธรรม และคุณธรรมในจิตใจ เพราะ มูลนิธิเอสซีจี เชื่อมั่นในคุณค่าของคน

4 พันธมิตร จับมือจัดอบรม BIM สร้างช่างสมัยใหม่

มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับ สมาคมแบบจำลองสารสนเทศอาคาร (TBIM) วิทยาลัยเทคนิคดุสิต และ CPAC BIM จัดอบรมความรู้เบื้องต้นเทคโนโลยี BIM ให้แก่นักเรียน นักศึกษาของวิทยาลัยเทคนิคดุสิต เพื่อให้เท่าทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ช่วยลดเวลา ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบและการก่อสร้าง

BIM (บิม) มาจากคำว่า​ Building Information Modeling เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับวงการก่อสร้างที่สามารถครอบคลุม-ตั้งแต่การออกแบบอาคารไปจนถึงการก่อสร้าง​ เป็นการใช้ระบบคอมพิวเตอร์มาควบคุมกระบวนการต่างๆ ระบบจะสร้างแบบจำลองเสมือนของอาคารที่แม่นยำอย่างน้อยหนึ่งแบบจำลองแบบดิจิทัล​ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างอาคารสามารถสื่อสารระหว่างกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ ส่งผลให้งานมีมูลค่าที่สูงขึ้น

ส่งต่อโอกาสที่ปันผ่านเสื้อสุ่ม​ ส่งต่อทุนการศึกษาให้น้องๆ​

คุณภรัณยุ จุฑาสันติกุล ผู้ช่วยกรรมการและผู้จัดการอาวุโส เป็นตัวแทนมูลนิธิเอสซีจี มอบเงิน 466,910.33 บาท จากโครงการเสื้อสุ่มปันโอกาส ซึ่งเพื่อนพนักงานเอสซีจี และประชาชนร่วมกันบริจาค โดยมีคุณสุชาดา จัตุรภุชพิทักษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา​ (กสศ.)​ เป็นผู้รับมอบ เพื่อส่งต่อเป็นทุนการศึกษาให้เด็กและเยาวชนยากจนด้อยโอกาส ที่มีโอกาสเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษา เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ในโครงการศูนย์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในภาวะวิกฤต

มูลนิธิเอสซีจี ขอเชิญร่วมเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ความภาคภูมิใจในความหลากหลายทางเพศ Pride Month : Pride of all Genders

ในเดือนมิถุนายนของทุกปี ทั่วโลกล้วนฉลอง “Pride Month” เพื่อแสดงความภาคภูมิใจของทุกเพศอย่างเท่าเทียม มูลนิธิเอสซีจีขอร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลดังกล่าวผ่านผลงานศิลปะ จาก 5 ศิลปินรุ่นใหม่ นำโดย ฑีฆวุฒิ บุญวิจิตร  นรภัทร ศักดิ์อาธรทรัพย์ นักรบ มูลมนัส ภาราดา ภัทรกุลปรีดา และนารีญา คงโนนนอก ที่ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในรูปแบบ จิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปะสื่อผสม และศิลปะการจัดวางภายในงานยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ

กิจกรรมเสวนาแบบ Hybrid Event ทุกวันเสาร์ที่เราจะพาคนที่ประสบความสำเร็จผลัดกันมาแลกเปลี่ยนพูดคุยเพื่อจุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจ และปลุกไฟในตัวคุณ

กิจกรรม Pride Wall  ที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างผลงานศิลปะ เพียงถ่ายรูปภายในงานแล้วส่งภาพให้ทีมงานพรินต์-เป็นภาพโพราลอยด์เพื่อเขียนข้อความส่งต่อกำลังใจที่แสดงพลังสนับสนุน LGBTQ+  

กิจกรรม Pride Floor พื้นที่แห่งโอกาสที่เปิดเวทีให้ทุกคนได้มาแสดงความสามารถอย่างเป็นตัวเอง ไม่ว่าจะร้อง เล่น เต้น พูด ได้อย่างอิสระ

ณ  New Gen Space: Space For All Generations โดย มูลนิธิเอสซีจี

ชั้น  3 หอศิลปะวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  ( BACC )

ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน จนถึง  3 กรกฎาคม 2565

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com : YoungThaiArtistAward

มาเสพงานศิลป์ ที่ทุกคนเท่ากัน อยู่ด้วยกันอย่างเท่าเทียม

#มูลนิธิเอสซีจี #pridemonth2022 

มูลนิธิเอสซีจีเปิดเวทีแห่งโอกาส จุดประกายคนรักงานศิลป์ แจ้งเกิดเป็นยุวศิลปินรุ่นใหม่ ในโครงการรางวัลยุวศิลปินไทย ประจำปี 2565 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

มูลนิธิเอสซีจี เปิดพื้นที่แห่งโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 15-25 ปี ทั่วประเทศ ที่มีใจรักการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ มาประลองความคิดสร้างสรรค์ ประชันไอเดียศิลป์ เพื่อแจ้งเกิดเป็นยุวศิลปินเลือดใหม่ในวงการศิลปะกับโครงการรางวัลยุวศิลปินไทย 2565 หรือ Young Thai Artist Award 2022 เวทีประกวดศิลปะสำหรับเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัลรวม 3,300,000 บาท โดยน้องๆ สามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ถึง 6 สาขา ได้แก่ ศิลปะ 2 มิติ ศิลปะ 3 มิติ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ วรรณกรรม และการประพันธ์ดนตรี

น้องๆ เยาวชนที่สนใจและมีศักยภาพด้านศิลปะ เชิญมาปลดปล่อยพลัง โชว์ความสามารถ เปล่งประกาย Shine Your Way แจ้งเกิดเป็นดาวดวงใหม่ในวงการศิลปะ สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2565 *ยกเว้นสาขาวรรณกรรมปิดรับสมัครวันที่ 15 กรกฎาคม 2565

สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัคร Online ได้ที่ www.youngthaiartistaward.com  ติดตามความเคลื่อนไหวและสอบถามรายละเอียดได้ที่ คลิก www.facebook.com/YoungThaiArtistAward และ www.instagram.com/youngthaiartistaward

มูลนิธิเอสซีจี หนุนเด็กไทยให้เรียนรู้เพื่ออยู่รอด มอบ 245 ทุนการศึกษา ตอบโจทย์โลกยุคใหม่

เพราะโลกในแต่ละวันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว “มูลนิธิเอสซีจี” จึงเดินหน้าผลักดันภารกิจสนับสนุนการเรียนรู้ตามแนวคิด “Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด” มุ่งสร้างอนาคตให้เยาวชนไทย มอบทุนการศึกษาในระดับ ปวส. และ ป.ตรี รวมถึงหลักสูตรระยะสั้น ได้แก่ ด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ด้านอุตสาหกรรม S-curve และ New S-curve ด้านเทคโนโลยี IT รวมถึงด้านการส่งเสริมอาชีพทั่วไป โดยในปี 2565 จะมอบทุนการศึกษาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนทั่วประเทศทั้งหมด 245 ทุน

โดยที่ผ่านมา มูลนิธิเอสซีจีได้มอบทุนการศึกษาภายใต้แนวคิด Learn to Earn ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 1,700 ทุน รวมเป็นเงินกว่า 40 ล้านบาท ได้แก่ ด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ด้านอุตสาหกรรม S-curve และ New S-curve ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม ด้านอาชีวศึกษา และด้านการส่งเสริมความสามารถ/ความเชี่ยวชาญระยะสั้นเพื่อการมีอาชีพ เป็นต้น ซึ่งในปีนี้ มูลนิธิฯ ยังได้เพิ่มทุนการศึกษาในสาขาใหม่ๆ ตามแนวคิด  “Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด” เพื่อตอบโจทย์โลกยุคใหม่ รวมทั้งสิ้น 245 ทุน แบ่งเป็น 3 ประเภททุน ได้แก่ ทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ จำนวน 150 ทุน และ ทุนระดับปริญญาตรี สาขา E Sport  จำนวน 45 ทุน โดยเป็นการเปิดรับสมัครผ่านสถาบันการศึกษา 

ส่วน ‘ทุนระยะสั้นเพื่อการมีอาชีพ’ ล่าสุดได้เปิดหลักสูตร ‘ช่างติดตั้งและบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์’ (Solar Cell) จำนวน 50 ทุน เพื่อเรียนรู้หลักการทางเทคโนโลยีและฝึกทักษะพื้นฐานที่ถูกต้องครบถ้วน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และเป็นช่างที่มีคุณภาพ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศเป็นผู้อบรม ใช้ระยะเวลาเรียนเพียง 3 วัน ก็สามารถนำทักษะความรู้ความสามารถที่ได้ไปประกอบอาชีพ สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว  

ทั้งนี้ ภารกิจมอบทุนการศึกษาตามแนวคิด Learn to Earn จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาทักษะของเยาวชนให้ตอบโจทย์และตรงกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยการเสริมความรู้และทักษะที่ใช้ในการทำงาน (Hard skill) และทักษะทางด้านการเข้าสังคมและอารมณ์ (Soft skill) หรือ ‘ทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21’ (Power Skill) ซึ่งเป็นทักษะที่มีความจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตและการทำงานของเยาวชน Generation Z ทั้งในยุคปัจจุบันและในอนาคต

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการให้ทุนแต่ละประเภททุนได้ที่ www.scgfoundation.org และ

เฟซบุ๊ก LEARNtoEARNbySCGFoundation

#มูลนิธิเอสซีจี #รุ่นนี้ต้องรอด #LearntoEarn #เรียนรู้เพื่ออยู่รอด

มูลนิธิเอสซีจี มอบทุนการศึกษา “Learn to Earn” ปี 2565

มูลนิธิเอสซีจี มอบทุนการศึกษา “Learn to Earn” ปี 2565​ สนับสนุนการเรียนรู้ตามแนวคิด “Learn​ to​ Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด” มุ่งสร้างอนาคตให้เยาวชนไทย โดยมอบทุนการศึกษาในระดับ ปวส. และ ป.ตรี รวมถึงหลักสูตรระยะสั้น ได้แก่ ด้านอุตสาหกรรม S-curve และ New S-curve ด้านพลังงานสะอาด และ E sport

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการให้ทุนแต่ละประเภททุนได้ดังนี้

  • ทุนระยะสั้น หลักสูตรฝึกอบรมการติดตั้งและบำรุงรักษา ระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์

    เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 25 เมษายน 2565
    รายละเอียดการรับสมัคร

มูลนิธิเอสซีจี ผนึกกำลังหอการค้านครปฐมและเครือข่าย ส่งมอบห้องชันสูตรความดันลบ (Modular Autopsy) แห่งแรกของไทย ให้ รพ.นครปฐม

มูลนิธิเอสซีจี นำโดย คุณเชาวลิต เอกบุตร กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี พร้อมด้วยคุณสุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี ผนึกกำลังหอการค้าจังหวัดนครปฐม และมูลนิธิไทยพีบีเอส ร่วมส่งมอบห้องชันสูตรความดันลบ (Modular Autopsy unit) แห่งแรกของไทย มูลค่า 5.17 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาลนครปฐม โดยมี ดร.พญ.ดารารัตน์ รัตนรักษ์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารโรงพยาบาลฯ ร่วมรับมอบ ซึ่งห้องชันสูตรความดันลบนี้ นอกจากจะลดอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 แล้ว ยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายการให้บริการชันสูตรศพกับจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียงกว่า 700 ราย ต่อปี ลดภาระงานของโรงเรียนแพทย์ รวมถึงต่อยอดการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคโควิด 19 และโรคอุบัติใหม่ในอนาคต

ห้องชันสูตรความดันลบ (Modular Autopsy) มีขนาด 80.38 ตร.ม. สามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เหมาะสมและปลอดภัย ทั้งระบบความดันบวก (POSITIVE PRESSURE ROOM) เพื่อกำจัดเชื้อโรคและฝุ่น และระบบความดันลบ (NEGATIVE PRESSURE ROOM) เพื่อจำกัดการแพร่กระจายและลดเชื้อไวรัสออกสู่ภายนอกอาคาร โดยมีพื้นที่การใช้งานทั้งสิ้น 4 ส่วน ได้แก่

  1. AUTOPSY ZONE สำหรับบุคลากรปฏิบัติงานผ่าชันสูตรพลิกศพ โดยระบบการจัดการอากาศใน Zone นี้ใช้ระบบห้องความดันลบ (NEGATIVE PRESSURE ROOM) ออกแบบห้องให้ทำความสะอาดง่ายและ ANTE Zone เพื่อกักอากาศลดการแพร่เชื้อออกสู่ภายนอก
  2. PREPARATION ZONE และ ANTE ROOM สำหรับบุคลากรเพื่อเตรียมตัวเข้าปฏิบัติงาน โดยแบ่งเป็น Locker room สำหรับเก็บสัมภาระ เปลี่ยนชุด PPE โดยระบบการจัดการอากาศใน Zone นี้ ใช้ระบบห้องความดันบวก (POSITIVE PRESSURE ROOM) 
  3. EXIT ZONE และ ANTE ROOM สำหรับบุคลากรออกหลังจากเสร็จสิ้นการปฏิบัติงาน และถอดชุด PPE โดยระบบการจัดการอากาศใน Zone นี้ใช้ระบบห้องความดันลบ (NEGATIVE PRESSURE ROOM)  
  4. Bathroom สำหรับบุคลากรใช้ชำระล้างร่างกายก่อนและหลังการปฏิบัติหน้าที่

คิกออฟ แนวคิด “Learn to Earn” มูลนิธิเอสซีจี จุดประกายคน Gen Z มุ่งปลูกฝังการเรียนรู้เพื่ออยู่รอดในยุคนี้

 “มูลนิธิเอสซีจี” คิกออฟแนวคิด “Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด สร้างอนาคตเด็กและเยาวชน ผ่านภารกิจหลักในการมอบทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนคน Gen Z  โดยการเสริมทักษะทางด้านความรู้ความสามารถ (Hard skill) และ ทักษะทางด้านการเข้าสังคมและอารมณ์ (Soft skill) หรือที่เรียกว่า ‘ทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21’ (Power Skill) ซึ่งเป็นทักษะที่มีความจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตและการทำงานในยุคปัจจุบันและอนาคต พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้และความเข้าใจ โดยดึง สไปร์ท เขื่อน และ ลูกกอล์ฟ มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนคน Gen Z  นอกจากนี้ ยังจับมือกับ GMMTV จัดแคมเปญ CLASS of 21st นำทัพศิลปินคนรุ่นใหม่ในสังกัดร่วมทำภารกิจที่ต้องอาศัยทักษะความรู้และการใช้ชีวิต ทำให้เด็กและเยาวชนตระหนักถึงการเรียนรู้ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนเท่านั้น

สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า “เมื่อก่อน เราอาจจะเคยเชื่อว่าการเรียนในห้องเรียนมีเพียงรูปแบบเดียวที่จำเป็นและเหมาะกับทุกคน แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป  รูปแบบการเรียนรู้ก็ย่อมเปลี่ยนไปด้วย  ยิ่งโลกไร้พรมแดน ทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้ได้ง่ายขึ้น น้องๆ เยาวชนเองก็รู้จักตั้งคำถามกับตัวเองมากขึ้นว่าตนเองชอบอะไร ถนัดอะไร อยากจะมีชีวิตแบบไหน ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิฯ จึงได้วางแนวทางในการพัฒนาทักษะของเยาวชนให้ตอบโจทย์และตรงกับสภาวการณ์ปัจจุบันผ่านแนวคิด Learn to Earn มุ่งเน้นให้ทุนการศึกษาในการหนุนและเสริมสร้างพัฒนาทักษะให้กับคนรุ่นใหม่ หรือคน Gen Z ด้วยการใช้ทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (Power Skill) ทักษะที่มีบทบาทสำคัญในการนำไปใช้ประกอบอาชีพ เช่น นักบริบาล ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ ยูทูปเบอร์ นักกีฬาอีสปอร์ต เป็นต้น ไม่เพียงเท่านี้ ยังสนับสนุนการสร้างทักษะเข้าสังคมและอารมณ์  (Social & Emotional skills) ยกตัวอย่างเช่น ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทักษะความฉลาดทางอารมณ์ และทักษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการติดอาวุธเสริมทักษะให้เยาวชนพร้อมออกไปดำเนินชีวิตสามารถอยู่รอดในโลกปัจจุบันและอนาคตอย่างดีที่สุด

ในส่วนของกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นตลอดปี 2565  มูลนิธิเอสซีจีได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน โดยหนึ่งในพลังที่สำคัญคือกลุ่มผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับชาว Gen Z ทั้ง 3 ท่าน ประกอบด้วย สไปร์ท – ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ แรปเปอร์มากความสามารถ แรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

เขื่อน – ภัทรดนัย เสตสุวรรณ ตัวแทนผู้ที่มีทักษะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และมีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นอย่างมาก และ ลูกกอล์ฟ – คณาธิป สุนทรรักษ์ ผู้สอนยุคใหม่ขวัญใจเด็ก Gen Z จะมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวแรงบันดาลใจผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของพวกเขา

สำหรับแคมเปญ ‘CLASS of 21st เป็นการรวมตัวของกลุ่มศิลปินคนรุ่นใหม่ 3 รุ่นจาก GMMTV อาทิ คริส-พีรวัส, ปอนด์-ณราวิชญ์ และ เจมิไนน์-นรวิชญ์ ที่จะต้องมาปฏิบัติภารกิจแบ่งปันความรู้ แชร์ประสบการณ์ และทำความเข้าใจ ‘ทักษะแห่งอนาคต’ ไปพร้อม ๆ กับผู้ชมเพื่อเอาตัวรอดจากภารกิจในคลาสต่าง ๆ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Young Survivors รุ่นนี้…ต้องรอด’ ผ่านช่องทาง YouTube channel GMMTV  

อย่างไรก็ตาม  ยังมีอีกหนึ่งภารกิจหลักของมูลนิธิเอสซีจี  คือ การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน โดยที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้มอบทุนการศึกษาภายใต้แนวคิด Learn to Earn  ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 1,700 ทุน รวมเป็นเงินกว่า 40 ล้านบาท โดยเป็นทุนการศึกษาในระดับ ปวส. และ ป.ตรี รวมถึงหลักสูตรระยะสั้น ได้แก่ ด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ด้านอุตสาหกรรม S-curve และ New S-curve ด้านเทคโนโลยี IT รวมถึง ด้านการส่งเสริมอาชีพทั่วไป  

ทั้งนี้ นายศักดิ์ชัย นามเหลา หนึ่งในเยาวชนที่เคยได้รับทุนจากมูลนิธิเอสซีจี ประเภททุนระยะสั้นเพื่อการประกอบอาชีพ โดยปัจจุบันเขาประกอบอาชีพเป็นผู้ช่วยพยาบาล โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดย นายศักดิ์ชัย เปิดเผยว่า “ด้วยสภาพทางการเงินของครอบครัวที่ไม่เอื้ออำนวย ในขณะที่ผมต้องเตรียมตัวเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าคงไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่พอทราบว่ามูลนิธิเอสซีจีมีทุนระยะสั้นเพื่อการประกอบอาชีพ ซึ่งตอบโจทย์การเรียนอะไรก็ได้ที่สามารถเรียนจบออกมาแล้วมีทักษะอาชีพติดตัวเพื่อหางานทำได้อย่างรวดเร็วที่สุด นอกจากได้พัฒนาทักษะในการทำงานที่มีศักยภาพแล้ว ยังสามารถนำทักษะในการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นมาปรับใช้เมื่อต้องทำงานจริงได้เป็นอย่างดี ขอขอบคุณมูลนิธิฯ มากที่ช่วยมอบโอกาสทำให้มีอาชีพติดตัวไปตลอดชีวิต อีกทั้งยังสามารถกลับไปทำงานจิตอาสาช่วยเหลือคนอื่น ๆ ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมตั้งใจอยากทำมาตลอด”

การขยายแนวคิด Learn to Earn จะสามารถสร้างเด็กและเยาวชนให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ นับเป็นพันธกิจหลักของมูลนิธิเอสซีจี เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้าง ‘คน’ ให้เติบโตเป็นคน ‘เก่งและดี’ มีน้ำใจช่วยเหลือสังคมต่อไป สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิเอสซีจี ได้ที่ www.scgfoundation.org  และเฟซบุ๊ก LEARNtoEARNbySCGFoundation

#LearntoEarn #เรียนรู้เพื่ออยู่รอด #รุ่นนี้ต้องรอด #มูลนิธิเอสซีจี

มูลนิธิเอสซีจี มอบ “Modular ER” นวัตกรรมห้องฉุกเฉิน New Normal ให้ รพ.มหาราชนครราชสีมา หนุนนักรบด่านหน้าฝ่าวิกฤต และผู้ป่วยโควิดให้ปลอดภัย

คุณสุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี ส่งมอบนวัตกรรมห้องผู้ป่วยฉุกเฉินโมดูลาร์ (Modular ER) มูลค่า 8 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยมี นพ.ประวีณ ตัณฑประภา ผู้อำนวยการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารโรงพยาบาลฯ ร่วมรับมอบ ซึ่ง Modular ER นี้ นับเป็นนวัตกรรมห้องฉุกเฉินรูปแบบใหม่ ที่จะรองรับการแพร่ระบาดของ COVID – 19 เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ญาติ และบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยปัจจุบันมีผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยวิกฤตที่มารับการรักษาจากจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน กว่า 200 รายต่อวัน

ห้องฉุกเฉินโมดูลาร์ (Modular ER) มีขนาด 160.99 ตรม. มีจำนวนเตียง 5 เตียง  ออกแบบเพื่อแยกและรองรับผู้ป่วยโควิดฉุกเฉินออกจากผู้ป่วยฉุกเฉินทั่วไป ทำให้สามารถรักษาได้รวดเร็ว
ลดความรุนแรงของการเจ็บป่วย หรือการสูญเสียชีวิต อีกทั้งยังเป็นเกราะป้องกันให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ปฎิบัติงานได้อย่างปลอดภัย
โดยห้องดังกล่าวมีระบบควบคุมแรงดันอากาศอย่างเหมาะสมและปลอดภัย ด้วยระบบความดันลบ (NEGATIVE PRESSURE ROOM) เพื่อจำกัดการแพร่กระจายและลดเชื้อไวรัสออกสู่ภายนอกอาคาร


ข้อมูลประกอบเพิ่มเติม

พื้นที่การใช้งานแบ่งพื้นที่ออกเป็น 6 ส่วน คือ

  1. ห้องคัดแยก (ER Zone)

สำหรับคัดแยกและเฝ้าอาการผู้ป่วยแบ่งออกเป็น 4 ห้องแยก แต่ละห้องเตรียมพร้อมด้วยระบบยังชีพต่างๆ ที่จะเชื่อมต่อกับระบบของโรงพยาบาล ใช้ระบบความดันลบ (NEGATIVE PRESSURE ROOM) โดยแต่ละห้องจะมีการจัดการอากาศแยกออกจาก เพื่อรองรับการจัดกลุ่มผู้ป่วยที่มีระดับความหนักของอาการที่ต่างกัน

  1. ห้องกักอากาศ เอ (ANTE ROOM A)

สำหรับลำเลียงผู้ป่วยเข้าและออก พร้อมจุดทิ้งขยะติดเชื้อต่างๆ

  1. ห้องเจ้าหน้าที่ (STAFF ROOM)  

สำหรับบุคลากร โดยมีการจัดการอากาศให้เป็นความดันบวก (POSITIVE PRESSURE ROOM)

  1. ห้องกักอากาศ บี (ANTE ROOM B.) 

สำหรับบุคลากรเข้าและออกเพื่อการปฏิบัติงาน

  1. พื้นที่เก็บตรวจเชื้อ (SWAB)

สำหรับการเก็บสิ่งส่งตรวจ โดยมีการแยกอากาศระหว่างบุคลากรการแพทย์และผู้ป่วย

  1. ห้องน้ำ (Bathroom)

สำหรับบุคลากรใช้ชำระล้างร่างกายก่อนและหลังการปฏิบัติหน้าที่

ส่งอุปกรณ์ป้องกันโควิด ติดเกราะให้น้องๆ

มูลนิธิเอสซีจี ส่งความห่วงใยถึงมือเด็กและเยาวชน มอบชุดตรวจโควิด 19 (ATK) จำนวน 1,000 ชุด และหน้ากากเฉพาะสำหรับเด็ก จำนวน 1,000 กล่อง ผ่านเครือข่ายจิตอาสา อาทิ สภาเด็กและเยาวชนกลุ่มเขตกรุงเทพใต้ ศูนย์สร้างโอกาสเด็ก พระราม 8 กลุ่มสายไหมต้องรอด และชุมชนตึกแดงบางซื่อ เพื่อให้เด็กๆ มีอุปกรณ์ปกป้อง ยกการ์ดตั้งสูง ปลอดภัยจากโควิด 19 

#มูลนิธิเอสซีจี 

#ช่วยกันแคร์ดูแลกัน 

#เชื่อมั่นในคุณค่าของคน

มูลนิธิเอสซีจี ตั้ง “โรงครัวมูลนิธิเอสซีจีเพื่อผู้ประสบอุทกภัย” มอบอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้

อาหารจาก​ “โรงครัวมูลนิธิเอสซีจีเพื่อผู้ประสบอุทกภัย” จำนวน 4,500 ชุด รวมทั้งน้ำดื่ม ได้ส่งถึงมือพี่น้องในพื้นที่อำเภอที่ประสบอุกภัยแล้ว โดยมีเครือข่าย ศอบต. บัณฑิตอาสา ช่วยนำลงพื้นที่​ ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุง อาหารทั้งหมดรับซื้อจากเกษตรกรที่ประสบปัญหาน้ำท่วม

โดยภาพประกอบนี้จากการตั้งโรงครัวและมอบอาหารจากพื้นที่ อ.แว้ง อ. ยี่งอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และ อ.รามัน จ.ยะลา​ 

เราขอให้ทุกชีวิตปลอดภัยและขอส่งกำลังใจให้พี่น้องที่ประสบภัยน้ำท่วม​

มูลนิธิเอสซีจี ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมบริจาคเงินซื้อเสื้อในกิจกรรมสุดพิเศษ “เสื้อสุ่มปันโอกาส”

จะดีแค่ไหน? ถ้าวันวาเลนไทน์ปีนี้  คุณสามารถ “ส่งความรัก” ได้ “ไม่ใช่แค่หนึ่ง” แต่ยังสามารถ “ส่งต่อความรักให้แก่สังคมได้ด้วย” 

มูลนิธิเอสซีจี ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมสุดพิเศษ “เสื้อสุ่มปันโอกาส” เพียงร่วมบริจาคเงินซื้อเสื้อในราคาตัวละ 399 บาท สามารถเลือก “สุ่มลายเสื้อ” หรือ” สุ่มเลือก ศิลปิน” ที่มาร่วมออกแบบได้  (มิว ศุภศิษฏ์ – มุก วรนิษฐ์ – แพท พาวเวอร์แพท) 

รายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่าย มอบเป็นทุนการศึกษาเพื่อแบ่งปันโอกาสให้กับน้องๆ ที่ผู้ปกครองได้รับผลกระทบจากโควิด 19 และขาดแคลนทุนทรัพย์ ได้มีโอกาสเรียนต่อเพื่อเป็นอนาคตที่ดีของสังคมต่อไป 

การบริจาคนี้สามารถลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า

พิเศษ.. คุณสามารถร่วมบริจาคซื้อเสื้อสุ่มได้ 2 แบบ (Pre-order)

แบบที่ 1 :  สุ่มเลือกจากลายเสื้อที่ชอบ (เพื่อลุ้นว่าศิลปินคนไหนเป็นคนออกแบบ)

หรือ แบบที่ 2 :  สุ่มเลือกจากศิลปินคนโปรด (เพื่อลุ้นว่าเสื้อลายไหน เป็นฝีมือออกแบบของศิลปินที่คุณเลือก)

งานนี้บอกเลยทั้ง 3 ศิลปิน มิว ศุภศิษฏ์ – มุก วรนิษฐ์ – แพท พาวเวอร์แพท ตั้งใจออกแบบกันมาก พร้อมมีลายเซ็นดิจิทัลของศิลปินบนเสื้อให้ด้วย

เปิดให้บริจาคสั่งซื้อเสื้อสุ่ม ตั้งแต่วันนี้ – 28 ก.พ. 65  เริ่มจัดส่งวันที่ 19 มี.ค. 65 บริการจัดส่งเฉพาะภายในประเทศไทยเท่านั้น

วีธีการสั่งจองเสื้อสุ่ม

1. กดเข้าลิงก์ https://www.scgfoundation.org/meritbridge/project/7/

2. กดปุ่ม “บริจาค” แล้วทำการสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อโอนเงินที่ต้องการบริจาค แล้วแนบสลิปโอนเงิน

3. กรอกจำนวนเงินที่บริจาค

4. ระบบจะแจ้งจำนวนเสื้อที่สามารถสั่งซื้อได้ (399 บาท = 1 ตัว)

5. กรอกข้อมูลผู้บริจาค และเลือกสุ่มเสื้อ

5.1 เลือกจาก ศิลปิน คนโปรด

5.2 เลือกจาก ลายเสื้อ ที่ชอบ

6. กดเลือกไซส์เสื้อ

7. กรอกข้อมูลการจัดส่ง (ชื่อ-ที่อยู่-เบอร์โทรศัพท์-รหัสไปรษณีย์)

8. กดปุ่ม “ส่งข้อมูล” เพื่อยืนยันการบริจาค (สั่งซื้อ)

โครงการปันโอกาส โดยมูลนิธิเอสซีจี ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมปันโอกาสดีๆ ในกิจกรรมครั้งนี้ 

#มูลนิธิเอสซีจี #เชื่อมั่นในคุณค่าของคน #ปันโอกาส #ทำทันทีเมื่อมีโอกาส #เสื้อสุ่มปันโอกาส

#Mewsuppasit

#Mewlions

#Patpowerpat

#แพทพาวเวอร์แพท

#MookWorranit

#มุกวรนิษฐ์

สะพานบุญสะพานใจ ส่งความห่วงใย ให้อบอุ่น ให้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช

มูลนิธิเอสซีจี ขอเป็นตัวแทนผู้ร่วมบริจาคทุกท่าน ที่ร่วมบริจาคผ้าห่มผ่าน “สะพานบุญ สะพานใจ​ โดยมูลนิธิเอสซีจี” มอบผ้าห่มส่วนหนึ่งที่ได้จากเงินบริจาคให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 3 แห่ง ใน​ จ.น่าน แพร่ และพิษณุโลก จำนวน 240 ผืน เพื่อให้โรงพยาบาลได้นำผ้าห่ม ไว้ใช้กับผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาล รวมถึงเมื่อออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ คุณหมอจะได้นำไปมอบให้ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยยากไร้ที่ไม่สามารถเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาล 

#มูลนิธิเอสซีจี

#เชื่อมั่นในคุณค่าของคน

เครือข่าย “ต้นกล้าชุมชน” และ “ครูอาสา” ร่วมส่งความห่วงใย มอบผ้าห่มอุ่นใจ อุ่นกาย สู้ภัยหนาว

ปีใหม่ที่ผ่านมานี้ มูลนิธิฯ ร่วมกับเครือข่าย “ต้นกล้าชุมชน” และ “ครูอาสา”  นำผ้าห่มที่ได้รับบริจาคจากโครงการ “สะพานบุญ สะพานใจ โดยมูลนิธิเอสซีจี” โดยเพื่อนพนักงาน SCG และผู้มีจิตศรัทธา ไปทยอยมอบให้แก่เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และครอบครัวที่ยากจน บนดอยสูง พื้นที่ห่างไกล เช่น  อ.อุ้มผาง จ.ตาก  / อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ / อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ /  อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์/ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน / อ.วังสะพุง จ.เลย รวมถึงผู้พิทักษ์ป่า ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่  ซึ่งยังคงเผชิญต้องกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น

เติมรอยยิ้ม สร้างสุข(า)

วิทยาลัยการตลาดทุน (วตท.) รุ่นที่ 29 ร่วมเป็นสะพานบุญสะพานใจ กับมูลนิธิเอสซีจี บริจาคเงินกว่า 1,500,000 บาท เพื่อสร้างห้องน้ำ 5 จุด ให้กับ รพ.สมเด็จพระยุพราช (รพร.) 3 แห่ง ได้แก่ รพร.ปัว จ.น่าน , รพร.เด่นชัย จ.แพร่ และ รพร.นครไทย จ.พิษณุโลก เพื่อให้ผู้ป่วย ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และญาติที่มารอรับการรักษา ได้มีห้องน้ำที่สะอาด ปลอดภัย และสวยงามใช้ เป็นความสุขใจให้ผู้ใช้บริการ และเมื่อใจสบาย ความทุกข์ทางกายก็จะเบาบางลง พร้อมมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น เตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วย และ เครื่องช่วยฝึกเดินสำหรับผู้ป่วยอ่อนแรง เพื่อให้ทางโรงพยาบาลใช้สำหรับดูแลผู้ป่วยต่อไป

“ต้นกล้าชุมชน” ร่วมส่งมอบความห่วงใยต้านภัยลมหนาว

มูลนิธิ​เอส​ซี​จี​ร่วมกับ​ต้นกล้าชุมชน​ โดย​มูลนิธิ​เอส​ซี​จี​ นำผ้าห่มไปมอบให้กับกลุ่ม​ผู้สูงอายุในพื้นที่​ห่างไกล​ในจังหวัด​ต่างๆ​ ที่ประสบภัย​หนาว​ เพื่อ​สร้างความอบอุ่น​ เติมเต็มรอยยิ้ม และช่วยบรรเทาความเดือดร้อน​

ถึงจะอยู่​ห่างไกล แต่คนไทย​ไม่ทิ้งกัน

มูลนิธิ​เอส​ซี​จี​ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่ง​ในการสร้างสังคมแห่งการให้อย่างยั่งยืน

#มูลนิธิเอสซีจี

#ช่วยกันแคร์ดูแลกัน

#เชื่อมั่นในคุณค่าของคน 

#ต้นกล้าชุมชน

มูลนิธิเอสซีจีและตัวแทนผู้ร่วมบริจาคผ่าน “สะพานบุญสะพานใจ โดยมูลนิธิเอสซีจี” ร่วม​สุขสันต์วันเด็กแห่งชาติ​ 2565​ มอบเงินและสิ่งของจำเป็น ให้น้องๆ “มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์ฯ” เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ในโครงการ “Sharing in January Happy Children’s Day 2022”

เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ และวันเด็กแห่งชาติ 2565 มูลนิธิเอสซีจี ได้เปิดให้ประชาชนร่วมบริจาค Online ผ่าน Platform ใหม่ “สะพานบุญ สะพานใจ โดยมูลนิธิเอสซีจี” ให้ทุกท่านได้มีส่วนร่วมในการหยิบยื่นโอกาสดีๆ ให้กับน้องๆ ในความดูแลของมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์เพื่อรวบรวมเงินไปบริจาคและจัดซื้อสิ่งของจำเป็นให้แก่มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ และเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กที่ยากจนเปราะบางเหล่านี้ โดยมูลนิธิเอสซีจีจะสมทบอีก 1 เท่าของเงินบริจาคที่ได้รับ ผ่านโครงการ “Sharing in January Happy Children’s Day 2022”

ทั้งนี้ โครงการได้รับบริจาคในช่วงระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2565 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 134,247.72 บาท (เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้​ 100,000​ บาท)​ ซึ่งมูลนิธิเอสซีจีได้สมทบอีก 1 เท่า จึงรวมเป็นเงินที่มอบและจัดซื้อสิ่งจำเป็น จำนวน 268,495.44 บาท โดยได้นำไปมอบให้เด็กๆ และตัวแทนทีมงานของมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ พร้อมยังได้มอบหน้ากากผ้าเด็ก จำนวน 200 ชุด แทนความห่วงใยต่อน้องๆ ในสถานการณ์ที่ยังมีการระบาดของโควิด 19

เราขอขอบคุณทุกยอดการร่วมบริจาคผ่าน​ “สะพานบุญสะพานใจ​” กับเรา ร่วมมีส่วนเติมเต็มให้น้องๆ เหล่านี้ ได้มีความสุข เพื่อให้ทุกวัน เป็นวันเด็กของพวกเขา และเติบโตไปเป็นอนาคตที่ดีของพวกเราต่อไป

#มูลนิธิเอสซีจี

#เชื่อมั่นในคุณค่าของคน

——————————————————————————————————————–

มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์ฯ มุ่งเน้นการทำงานด้านการพัฒนาเด็กตามหลักของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ให้ได้รับการพัฒนาที่เหมาะสมตามวัย ได้รับการปกป้องคุ้มครอง และการมีชีวิตในวัยเด็กที่มีความสุข “เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก” โดยได้ให้การดูแลเด็กวันละประมาณ 250 คน อายุ 3 เดือน – 5 ปี 

จากครอบครัวยากจนและประสบปัญหา ผ่านบ้านเด็กอ่อนทั้ง 4 หลัง ได้แก่ 

1.บ้านสมวัย (ชุมชนคลองเตย) 

2.บ้านศรีนครินทร์ (ชุมชนกองขยะหนองแขม) 

3.บ้านแห่งความหวัง (ซอยอ่อนนุช 88 แยก 10) 

4.บ้านเด็กอ่อนเสือใหญ่ (ชุมชนเสือใหญ่ประชาอุทิศ)

มูลนิธิเอสซีจี มอบเงิน 10 ล้านบาท สนับสนุน “ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ ผู้สูงอายุระดับชาติ” คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ต้นแบบดูแลผู้สูงอายุ ครบวงจรแห่งแรกในไทย

มูลนิธิเอสซีจี นำโดยคุณเชาวลิต เอกบุตร (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี  และคุณสุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมสนับสนุนงบประมาณจำนวน 10 ล้านบาท
แก่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในโครงการ “ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ” เพื่อสร้างพื้นที่จำลอง Dementia friendly Environment ให้กับผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมเพื่อช่วยกระตุ้นความทรงจำ และพัฒนาการด้านต่างๆ โดยมี ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา (ที่ 3 จากขวา) คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พร้อมด้วย ศ.นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย (ที่ 2 จากขวา) รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และประธานโครงการศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ และ รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ (ที่ 1 จากขวา) รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร และกิจกรรมเพื่อสังคม เป็นผู้รับมอบ

ศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ เป็นต้นแบบการดูแลผู้สูงอายุในแนวทางเวชศาสตร์ผู้สูงอายุแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะให้บริการผู้ป่วยผู้สูงอายุอย่างครบวงจร ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพกายและใจของผู้สูงวัย พร้อมด้วยศูนย์วิจัย ศูนย์ฟื้นฟู เป็นแหล่งฝึกอบรมวิทยาการด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุแก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย ผู้ดูแล และประชาชนทั่วไป 

มูลนิธิเอสซีจี สนับสนุนงบประมาณ 8 ล้านบาท แก่มูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ ในโครงการ “New Immunotherapy ภูมิคุ้มกันบำบัด” รักษามะเร็งเต้านม สำเร็จแห่งแรกของโลก

มูลนิธิเอสซีจี นำโดยคุณเชาวลิต เอกบุตร (ที่ 2 จากขวา) กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี  พร้อมด้วย คุณสุวิมล  จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี (ที่ 1 จากขวา) ร่วมสนับสนุนงบประมาณจำนวน 8 ล้านบาทแก่ มูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ ในโครงการ “New Immunotherapy ภูมิคุ้มกันบำบัด” รักษามะเร็งเต้านม โดยมี รศ.นพ.กฤษณ์ จาฏามระ (ที่ 2 จากซ้าย) หัวหน้าศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ

ระบบภูมิคุ้มกัน (New Immunotherapy) เป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษามะเร็ง รักษาโดยใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันพื้นฐานที่มีมากที่สุดในร่างกาย กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน (T-cell) แล้วให้ไปกำจัดเซลล์มะเร็ง
โดยที่ผ่านมาศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อมะเร็งเต้านม สามารถรักษาคนไข้รายแรกสำเร็จ และมีแผนที่จะนำระบบภูมิคุ้มกันบำบัดมาช่วยรักษาคนไข้มะเร็งเต้านมรายอื่นๆ ต่อไป

ส่งมอบถุงยังชีพ​ ฝาก “​เรื่องเล่าเช้านี้​” ส่งกำลังใจถึงผู้ประสบอุทกภัย

คุณสุวิมล​ จิวาลักษณ์​ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี​ ได้มอบ​ถุงยังชีพ​ ที่บรรจุข้าวของเครื่องใช้สิ่งของจำเป็นช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจำนวน 1,000 ชุด​ มูลค่า 400,000 บาท ถึงมือรายการ​ “เรื่องเล่าเช้านี้”​ เรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งมอบเพื่อฝ่าฟันอุทกภัยในครั้งนี้

เราขอร่วมเป็นกำลังใจ พร้อมก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน

ร่วมมือส่งต่อน้ำใจ​ มอบกำลังใจฝ่าภัยน้ำท่วม

มูลนิธิเอสซีจี​ เร่งทยอยให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหลายจังหวัดจากผลของพายุเตี้ยนหมู่

ขอขอบคุณทุกความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจ ที่ทำให้การช่วยเหลือมอบถุงยังชีพทำได้ทันการณ์ ทั้งยังร่วมลงพื้นที่ฝ่าน้ำที่ท่วมสูง เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงมือผู้ที่เดือดร้อน ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ เพชรบูรณ์ ลพบุรี และสุโขทัย​  ผ่านเครือข่ายสำนักงานภาค SCG ผู้แทนจำหน่าย ดีเอ็น 33 กรุ๊ป จ.ลพบุรี ย่งเส็งโฮมมาร์ท จ.เพชรบูรณ์ CSC (CPAC Solution Center) นครราชสีมา และองค์กรทำดี เครือข่ายจิตอาสา

Youth In Charge แพลตฟอร์มรวมพลังคนรุ่นใหม่ สู่การเปลี่ยนแปลงสังคมและพัฒนาประเทศต่อไปอย่างยั่งยืน

18 กันยายน 2564, กรุงเทพมหานครบริษัท อิน เดอะ ลีด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด จัดงาน  Youth In Charge The Kickoff ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อเปิดตัว “Youth In Charge” แพลตฟอร์มเพื่อพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำและโอกาสของเยาวชนไทย โดยผนึกกำลังกับภาคีพันธมิตร ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และเครือข่ายสถาบันการศึกษา ร่วมกันสร้างพื้นที่ให้กับเยาวชนที่มีความสนใจและความมุ่งมั่นในการเป็นเยาวชนผู้นำการเปลี่ยนแปลง ได้มีโอกาสพบปะ แลกเปลี่ยน เรียนรู้ และทำงานร่วมกัน โดยได้ริเริ่ม “Youth In Charge Leadership Academy” ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนกลุ่มดังกล่าวได้เรียนรู้จากผู้นำตัวจริงจากทุกภาคส่วน ในบรรยากาศการเรียนรู้ที่กระตุ้นให้เยาวชนกล้าคิด กล้าพูด กล้าแสดงออก กล้าตั้งคำถาม และกล้าตั้งข้อสงสัยต่อกรอบความคิดและความเชื่อเดิมๆ เพื่อต่อยอดนำไปสู่การขับเคลื่อนสังคมและพัฒนาประเทศของเราให้ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

เอริกา เมษินทรีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์ม Youth In Charge กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิน เดอะ ลีด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันโลกของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและฉับพลัน มีการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากทั่วทุกมุมโลกได้อย่างสะดวกสบาย พวกเขาจึงมีทั้งความตื่นตัว ตื่นรู้ มีมุมมองที่แปลกใหม่ และมีความสนใจที่หลากหลาย ในเมื่อโลกนอกรั้วโรงเรียนและนอกรั้วมหาวิทยาลัยของเขากว้างขึ้นเรื่อยๆ สถาบันการศึกษาและระบบการศึกษาแต่เพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่ระบบนิเวศที่เหมาะสมเสมอไป สำหรับการปลดปล่อยพลัง แสดงศักยภาพ และพัฒนาความเป็นผู้นำของเยาวชน เราจึงริเริ่มแพลตฟอร์ม Youth In Charge ขึ้นมาเพื่อเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้ปลดปล่อยความสามารถที่มีออกมาอย่างเต็มกำลัง โดยล่าสุด Youth In Charge และภาคีพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)  มูลนิธิเอสซีจี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ริเริ่ม Youth In Charge Leadership Academy เพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการพัฒนาศักยภาพ ความเป็นผู้นำ และโอกาสของเยาวชนไทย ที่จะเปิดโลกนอกโรงเรียน ขยายกิจกรรมและการเรียนรู้ของเยาวชนออกนอกสถาบันการศึกษา รวมถึงเปิดโอกาสให้เยาวชนจากต่างพื้นเพและความสนใจได้ทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยน และเรียนรู้จากกันและกัน ตลอดจนให้เยาวชนได้มีบทบาทนำหรือร่วมนำในการแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนวาระสำคัญของชาติ ล่าสุดได้ประกาศรายชื่อเยาวชนผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วม Youth In Charge Leadership Academy จำนวน 85 คน โดยมีอายุตั้งแต่ 16 – 26 ปี จากทั้งในกรุงเทพมหานครและจากต่างจังหวัด ครอบคลุมเยาวชนหลากหลายกลุ่ม หลากหลายความรู้ความสามารถและความสนใจ เราภูมิใจและเชื่อว่าเยาวชนผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนของความหลากหลายของเยาวชนไทยในปัจจุบันอย่างแท้จริง

Youth In Charge Leadership Academy จะเริ่มกิจกรรมอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ตุลาคม 2564 โดยเน้นการปฏิสัมพันธ์ การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ร่วมกันที่สนุกสนาน และการท้าทายเยาวชนให้ลองคิดและลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ ตลอดจนพัฒนาและปรับปรุงทักษะที่พวกเขาอาจยังทำได้ไม่ดี เพื่อนำไปสู่การค้นพบศักยภาพความเป็นผู้นำที่แท้จริงของเยาวชนแต่ละคน เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แพลตฟอร์มที่เราได้สร้างขึ้นจะผลักดันให้เยาวชนกลุ่มนี้เป็นพันธมิตรกัน หาวิธีที่จะเสริมและเติมเต็มซึ่งกันและกัน ตลอดจนเติบโตไปด้วยกันในอนาคตอีกด้วย

Youth In Charge Leadership Academy จะถูกเสริมทัพด้วยผู้นำที่มากด้วยประสบการณ์ทั้งจากภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคประชาสังคม ที่จะมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นผู้นำองค์กร การบริหารจัดการคน การเป็นผู้นำในภาวะวิกฤติ การรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้า รวมไปถึงนำองค์ความรู้เฉพาะด้านมาถ่ายทอดให้กับเหล่าเยาวชน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า Youth In Charge Leadership Academy และเยาวชนผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Future Changers) 85 คนแรกนี้ จะเป็นแรงกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ อีกทั้งช่วยเป็น “ตัวคูณ” ในการสร้างสังคมแห่งโอกาสและขยายเครือข่ายต่อไปยังเยาวชนกลุ่มอื่น ๆ ได้

เราคาดหวังว่าแพลตฟอร์มและเครือข่ายเยาวชนผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่เรากำลังสร้างขึ้นมานี้ จะเป็นตัวอย่างให้สังคมเห็นว่าเยาวชนในปัจจุบันมีความรู้ความสามารถ มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง มีความหลากหลาย มีศักยภาพที่ล้นเหลือ และเมื่อมารวมตัวกันจะเกิดพลังมหาศาล ที่สำคัญที่สุด เราอยากให้ทุกคนเห็นว่า พื้นที่สำหรับการรวมตัวกันอย่างสร้างสรรค์ของเยาวชนและผู้ใหญ่จากทุก ๆ ฝ่าย สามารถเกิดขึ้นได้จริง และแม้สิ่งที่เยาวชนคิดหรือทำในวันนี้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่หากได้รับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างจริงจังของผู้ใหญ่ ก็สามารถที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและก้าวที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างแน่นอน”

ติดตามรายละเอียดแพลตฟอร์ม Youth In Charge เพิ่มเติมได้ที่ www.youthincharge.net หรือที่เพจ  เฟซบุ๊ก Youth In Charge : https://web.facebook.com/YouthInChargeThailand

มูลนิธิเอสซีจีส่งความห่วงใยผ่านวีดีทัศน์ เสริมความรู้ สร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคโควิด 19 เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการดูแลป้องกัน และการแยกกักตัวของผู้ป่วย

มูลนิธิเอสซีจี ตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในประเทศไทยที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มูลนิธิฯ มีความห่วงใยพี่น้องชาวไทยที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน จึงได้จัดทำวีดีทัศน์เพื่อเสริมความรู้ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคโควิด 19  จำนวน 2 ตัว ประกอบด้วย

1. วิดีทัศน์แนะนำแนวทางการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโควิด – 19 กลุ่มสีเขียว ในการแยกกักตัว (Home Isolation) 

2. วีดีทัศน์แนะนำการยกระดับการดูแลสุขอนามัยเพื่อป้องกันและลดการแพร่เชื้อโควิด 19

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการให้องค์ความรู้ในการดูแลสุขอนามัยตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ และดูแลตัวเองในกรณีเจ็บป่วย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ตลอดจนการลดการแพร่เชื้อ ตามแนวทางการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมแบบ New Normal ซึ่งจะยังประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศไทยให้สามารถเอาชนะก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ได้โดยเร็ว

โควิดป้องกันได้ ใช้ความรู้ความเข้าใจ สร้างวินัย ให้ความร่วมมือ

ลิงค์วีดีทัศน์

  1. วิดีทัศน์แนะนำแนวทางการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโควิด 19  กลุ่มสีเขียว ในการแยกกักตัว (Home Isolation) https://www.youtube.com/watch?v=o6b7iELpsfY
  2. วีดีทัศน์แนะนำการยกระดับการดูแลสุขอนามัยเพื่อป้องกันและลดการแพร่เชื้อโควิด 19
    https://www.youtube.com/watch?v=l4XvYH-iBew

สนับสนุนเยาวชนร่วมแข่งขันฝีมือแรงงานยุโรป ครั้งที่ 7 (EuroSkills Graz 2021) สาขาการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย (Health and Social Care)

ประเทศไทยได้รับเชิญจาก WorldSkills International ให้จัดส่งเยาวชนไปร่วมแข่งขันฝีมือแรงงานยุโรป ครั้งที่ 7 (EuroSkills Graz 2021) สาขาการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย (Health and Social Care) ระหว่างวันที่ 22-26 กันยายน 2564 นี้ ณ เมืองกราซ สาธารณรัฐออสเตรีย

มูลนิธิเอสซีจี จึงร่วมกับโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล คัดเลือกน้องๆ นักศึกษาจากคณะพยาบาลศาสตร์ เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยในการแข่งขันครั้งนี้ 

โดยน้องๆ มุ่งมั่นเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างหนัก  ครูฝึกทุกท่านต่างจำลองสถานการณ์จริง ให้ได้ซ้อมมือจริง และก็หักคะแนนจริงด้วย เพื่อให้น้องๆ ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุดก่อนไปแตะขอบสนามเร็วๆ นี้

มูลนิธิเอสซีจี ส่งมอบ “นวัตกรรมห้องเอกซเรย์โมดูลาร์” หลังแรกของไทย มูลค่า 2 ลบ.ให้ รพ.สนามผู้สูงอายุบางขุนเทียน หนุนเหล่านักรบเสื้อขาวต่อสู้โควิด-19

มูลนิธิเอสซีจี ส่งมอบห้องเอกซเรย์โมดูลาร์  (Modular X-Ray Unit)  มูลค่า 2 ล้านบาท แก่ รพ.สนาม ณ รพ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน ซึ่งปัจจุบันรองรับผู้ป่วยกว่า 700 เตียง เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างปลอดภัยในการวินิจฉัยภาวะปอดอักเสบในผู้ป่วยโควิด-19

ห้องเอกซเรย์โมดูลาร์นี้ นับเป็นนวัตกรรมแรกของไทย ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของบุคลากรทางการแพทย์ โดยทีม SCG Living Solution ซึ่งก่อสร้างในโรงงานใช้เวลาติดตั้งหน้างาน เพียง 7 วัน โดยห้องดังกล่าวถูกจัดการอากาศให้มีความดันลบ (Negative Pressure Room)  ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศและป้องกันอากาศรั่วไหล ถูกจัดการอากาศให้เหมาะสมก่อนปล่อยสู่ภายนอก เพื่อลดการกระจายของเชื้อไวรัส สร้างความปลอดภัยและมั่นใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์และคนไข้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้พื้นที่การใช้งานถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน  คือ  

  1. Control room

สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ เป็นพื้นที่การปฏิบัติเพื่อควบคุมเครื่อง X-ray มีผนังกันรังสีเพื่อความปลอดภัย สื่อสารกับคนไข้ผ่านระบบสื่อสาร 

  1. X-ray room

สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ภายในติดตั้งเครื่อง X-ray รองรับการเชื่อมต่อระบบไอทีเข้าสู่ส่วนกลางของโรงพยาบาล

โดยวัสดุต่างๆ เช่น ผนัง กระจก และประตู ออกแบบเพื่อป้องกันรังสีเอกซเรย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านรังสีด้วยเช่นกัน

สามารถรับชมคลิปได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=3ahw6OfVmG0

มูลนิธิเอสซีจี มอบถุงน้ำใจให้ฮีโร่กู้ภัย ส่งความห่วงใยให้กลุ่มคนดีจิตอาสา

มูลนิธิเอสซีจีร่วมส่งกำลังใจและความห่วงใยให้พี่น้องกู้ภัยและจิตอาสา ที่เข้าระงับเหตุและช่วยเหลือประชาชนจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด โดยมีคุณโชติชัย จันทร์วัฒรังกูล Manager – MD Office บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด ใน SCGP และคุณพีรดนย์ ทองแท้ ผู้ช่วยกรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี ตัวแทนมูลนิธิเอสซีจี มอบถุงน้ำใจจำนวน 100 ชุด ให้กับผู้แทนมูลนิธิร่วมกตัญญูและป้องกันสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการเป็นผู้รับมอบ

ภายในถุงน้ำใจประกอบด้วยข้าวสาร ของใช้จำเป็น รวมทั้งชุดสเปรย์แอลกอฮอล์ เพื่อแทนกำลังใจและความห่วงใยถึงกลุ่มอาสากู้ภัยที่เข้าช่วยเหลือในเหตุการณ์นี้ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการได้มอบให้ผู้แทนหน่วยงานนำไปกระจายให้ทีมกู้ภัยต่อไป

เชิญชวนเพื่อนพนักงานเอสซีจี บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนเตียงสนามกระดาษ ในโครงการ “สะพานบุญ​ สะพานใจ​ สู้ภัยโควิด​-19” แก่ผู้ป่วยโควิด-19​ ทั่วประเทศ

เมื่อโควิด-19 ยังระบาด แต่ขาดแคลนเตียงสนาม …แล้วผู้ป่วยจะได้รับการรักษาได้อย่างไร

มูลนิธิเอสซีจี​ ขอชวนเพื่อนพนักงานเอสซีจีร่วมบริจาคโครงการ​ “สะพานบุญ​ สะพานใจ​ สู้ภัยโควิด​-19” เพื่อสนับสนุน​เตียงสนามกระดาษเอสซีจีพี​ แก่ผู้ป่วยโควิด-19​ ที่รอคอยเข้ารักษาตัวกว่าหลายพันคนทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน​  โดยเมื่อบริจาคแล้วมูลนิธิเอสซีจี จะบริจาคสมทบอีก 1 เท่า​จากยอดบริจาคทั้งหมด

สนใจ​ดูรายละเอียดและคลิกบริจาคง่ายๆ​ ได้ที่ ​

https://www.scgfoundation.org/scgfmeritbridge/ep3/

* เปิดรับบริจาควันนี้- 31 กรกฎาคม 2564 

* บริจาคผ่านมูลนิธิเอสซีจี สามารถลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า

พิเศษ​! บริจาคแล้วกรอกแบบสอบถามให้แก่เรา ลุ้นรับของที่ระลึก​จากมูลนิธิเอสซีจี​ จำนวน​ 50​ รางวัล​ 

การให้ครั้งนี้ของท่าน จะทำให้ผู้ป่วยโควิด-19​ อีกหลายคนได้เข้ารับการรักษา​จากแพทย์ 

*โครงการภายใน เฉพาะเพื่อนพนักงานเอสซีจี*

#มูลนิธิเอสซีจี #ช่วยกันแคร์ดูแลกัน #เชื่อมั่นในคุณค่าของคน

มูลนิธิเอสซีจี มอบเครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นความถี่สูงแก่สถาบันประสาทวิทยา

คุณเชาวลิต เอกบุตร กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี พร้อมด้วยคุณสุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี ร่วมส่งมอบเครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นความถี่สูง แก่สถาบันประสาทวิทยา มูลค่า 2 ล้านบาท โดยมี นพ. ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา และ พญ.ทัศนีย์ ตันติฤทธิศักดิ์ เป็นตัวแทนรับมอบ

โดยเครื่องดังกล่าว สามารถช่วยตรวจผู้ป่วยโรคทางระบบประสาทที่มีโรคอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ลิ้นหัวใจรั่ว ลิ้นหัวใจตีบ หัวใจโต โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น ซึ่งเป็นการตรวจด้วยการใช้การสะท้อนกลับของคลื่นเสียงความถี่สูงและรายงานผลเป็นภาพให้เห็นบนจอ ซึ่งจะแสดงรูปร่าง ขนาด การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ และลิ้นหัวใจอย่างชัดเจน

ด้วยใจไม่ทิ้งกัน

มูลนิธิเอสซีจี ส่งคลิป “ด้วยใจไม่ทิ้งกัน” เพื่อส่งมอบพลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และคนไทยจิตอาสาทุกคน เพื่อเป็นการขอบคุณที่พวกเขายังคงเสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อให้เราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

สามารถรับชมคลิปได้ที่​ https://youtu.be/AHkSkVSbPWE

เกราะป้องกัน พร้อมกำลังใจ “มูลนิธิเอสซีจี” ส่งถึง “องค์กรทำดี”

มูลนิธิเอสซีจี ได้มอบ “แคปซูลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบ (Patient Isolation Capsule)” โดยพี่แป๊ด สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี ส่งมอบให้แก่ทีมจิตอาสา “องค์กรทำดี” โดยมี คุณบุ๋ม ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประธานองค์กรทำดี เป็นตัวแทนรับมอบ ซึ่งทีมงานพร้อมจะนำไปใช้งานทันทีเพื่อเคลื่อนย้าย และรับส่งผู้ป่วยโควิด-19​ ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค เพื่อให้จิตอาสาปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัยต่อไป

มูลนิธิเอสซีจีส่งพลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง มอบนวัตกรรม ห้องแยกเชื้อความดันลบ 12 ห้อง มูลค่า 3 ล้านบาท แก่โรงพยาบาลราชวิถี

จากการแพร่ระบาดระลอก 3 ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกระจายครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ
โรงพยาบาลราชวิถีเป็นหนึ่งในหน้าด่านที่ต้องรับและส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 เป็นจำนวนมาก ทำให้อุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 และห้องไอซียู ไม่เพียงพอ ด้วยความห่วงใยในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และความปลอดภัยของผู้ป่วยโควิด-19

มูลนิธิเอสซีจีนำโดยสุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี จึงเร่งส่งมอบห้องแยกเชื้อความดันลบ จำนวน 12 ห้อง มูลค่า 3,000,000 บาท แก่โรงพยาบาลราชวิถี โดยมีนายแพทย์สุกรม ชีเจริญ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ รพ.ราชวิถี เป็นผู้รับมอบ เพื่อช่วยให้ทีมแพทย์สามารถรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นได้อย่างทันท่วงที

มูลนิธิเอสซีจี มอบฉากกั้นสำหรับการฉีดวัคซีน ให้กับ​ รพ. ศิริราช

มูลนิธิเอสซีจี ได้ส่งมอบฉากกั้นสำหรับการฉีดวัคซีน ให้กับ​ รพ. ศิริราช  โดยติดตั้งไว้ที่คณะพยาบาลศาสตร์ ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID -19 ให้กับประชาชนไปตลอดทั้งปีนี้  โดยได้รับความร่วมมือในการออกแบบและติดตั้ง จากทีมงาน Cement Board SCG  เพื่อที่โรงพยาบาลจะได้มีบอร์ดที่สวยงามแข็งแรงไว้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง และสามารถบริการประชาชนได้อย่างเต็มที่ต่อไป

มูลนิธิเอสซีจี ส่งแรงส่งใจ ช่วยเหลือพี่น้องชุมชนคลองเตย

มูลนิธิเอสซีจีได้ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ Thai PBS จัดส่งอุปกรณ์ป้องกันการแพร่เชื้อ ให้กับโรงพยาบาลสนามศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด-19   (วัดสะพาน​ พระโขนง) เขตคลองเตย​ กทม. เพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อในคลัสเตอร์คลองเตย  โดยได้มอบ

  • หน้ากากเด็ก 300 ชุด
  • ถุงมือยาง 2,000 คู่  
  • หน้ากาก N95 100 ชิ้น
  • ปรอท​ Thermometer 20 อัน

เรายังขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

(ขอขอบคุณภาพจาก​รายการเรื่องเล่าเช้านี้และเทใจดอทคอม)

มูลนิธิเอสซีจี มอบนวัตกรรม “ห้องป้องกันเชื้อความดันลบ (Negative Pressure Isolation Room)” ให้ รพ.พระมงกุฎเกล้า

จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19​ ในตอนนี้​ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความปลอดภัยระหว่างปฏิบัติหน้าที่​ มูลนิธิเอสซีจี​ จึงได้มอบ​ “ห้องป้องกันเชื้อความดันลบ (Negative Pressure Isolation Room)” ให้แก่​ รพ.พระมงกุฎเกล้า เพื่อใช้สำหรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19  ซึ่งเป็นนวัตกรรมอุปกรณ์เสริมพิเศษที่เหมาะกับการปฏิบัติงาน เพื่อให้แพทย์และพยาบาลสามารถรักษาผู้ป่วยหนักได้ทันท่วงที​ โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและอุปกรณ์ช่วยชีวิตอื่นๆ​

เพราะความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เราผ่านวิกฤตโควิด-19