รู้จักมูลนิธิเอสซีจี
มูลนิธิเอสซีจีเชื่อมั่นว่าสังคมคุณภาพต้องประกอบด้วยคนเก่งและดี
พ.ศ.
2506
ตั้งกองทุนเพื่อทำประโยชน์แก่สังคม
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ดำเนินกิจการครบ 50 ปี และบริษัท กระเบื้อง กระดาษไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ดำเนินกิจการครบ 25 ปี และเนื่องในโอกาสนี้ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด จึงจัดตั้งกองทุนเพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์แก่สังคม โดยมีเงินทุนเริ่มต้น 75,000 บาท และ บริษัท เอฟ.แอล.สมิดธ์ จำกัด แห่งประเทศเดนมาร์กเป็นบริษัทคู่ค้าร่วมบริจาคเงินแก่กองทุนอีก 25,000 เดนนิชโครน ประมาณ 75,000 บาท (ตามอัตราการแลกเปลี่ยนเงินในเวลานั้น) ซึ่งในระยะเริ่มต้นการทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ยังไม่แพร่หลาย ตลอดจนเงินทุนเริ่มแรกมีจำนวนน้อยดอกผลของกองทุน จึงมีจำนวนไม่เพียงพอที่จะจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
พ.ศ.
2508
จดทะเบียนเป็นมูลนิธิ
กองทุนได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิ
พ.ศ.
2524
มูลนิธิเอสซีจีได้ริเริ่มโครงการ
Sharing the Dream
มูลนิธิเอสซีจีได้ริเริ่มดำเนินการโครงการ Sharing the Dream โดยมูลนิธิเอสซีจี เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาต่อเนื่องตลอดมาเป็นประจำทุกปี โดยมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีความประพฤติดี มีความมุ่งมั่นที่จะศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไป แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยได้ขยายการให้ทุนการศึกษาเพิ่มขึ้นทุกระดับชั้นการศึกษาครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นเด็กและเยาวชนของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนในท้องถิ่นทุรกันดารในเขตภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ
พ.ศ.
2535
มูลนิธิฯ ได้รับการประกาศ
เป็นองค์กรสาธารณกุศล
ในปี พ.ศ. 2535 มูลนิธิเอสซีจีได้รับการประกาศเป็นองค์กรสาธารณกุศล ตามประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มโดย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ได้บริจาคเงินและหุ้นเป็นกองทุน เพิ่มเติมให้มูลนิธิเอสซีจีนำดอกผลไปใช้ทำกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
อีกทั้งยึดถือเป็นแนวทางต่อมาว่าในปีใดมูลนิธิฯ มีรายได้จากเงินปันผลน้อย บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) จะจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งมาให้ เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมเป็นไปอย่างราบรื่นและต่อเนื่อง เพราะการให้ ความช่วยเหลือและการรับผิดชอบต่อสังคมเป็นภารกิจที่หยุดพักไม่ได้
ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2535 – 2556 มูลนิธิฯ ได้ริเริ่มและดำเนินโครงการเพื่อพัฒนา ศักยภาพเด็กและเยาวชน ส่งเสริมการสร้างจิตอาสาเพื่อสร้างสาธารณประโยชน์ ตลอดจนสร้างความเข้มเข้มแข็งให้ชุมชนอย่างยั่งยืน ดังนี้
- โครงการรางวัลยุวศิลปินไทย Young Thai Artist Award
- นำหนังสือดีสู่เด็กไทย
- ปันโอกาส วาดอนาคต
- นิทานในสวน
- กองทุนสัมมาชีพ
- Art Camps
- ค่ายอาสา
- เยาวชนคนทำดี
- ต้นกล้าชุมชน
พ.ศ.
2556
มูลนิธิฯ เริ่มการให้ทุน
อาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ
มูลนิธิเอสซีจี ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างบุคลากรในสายช่าง โดยเห็นว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่เด็กอาชีวะแต่เขาคือบุคคลสำคัญของสังคม ที่มุ่งมั่นสร้างความฝันด้วยสมองและสองมือเป็นผู้ที่มีทักษะ และประสบการณ์งานช่างที่ถูกปลูกฝังมาแต่แรกเริ่มจนมีความเชี่ยวชาญ โดยมูลนิธิเอสซีจีเริ่มสนับสนุนทุนการศึกษาในสาขาช่างอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปี 2556 ต่อมาในปี 2558 ได้เพิ่มการให้ทุนการศึกษาอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติในสาขาบริการ ปัจจุบันมีนักเรียนทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 1,200 คน
พ.ศ.
2563
มูลนิธิฯ ได้มอบนวัตกรรรมเพื่อลด ความเสี่ยงในการติดเชื้อแก่บุคลากร ทางการแพทย์
จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ได้สร้างผลกระทบในวงกว้างต่อประเทศไทยและทั่วทุกภูมิภาคในโลก มูลนิธิเอสซีจีได้ดำเนินการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนนับแต่มกราคม ปี 2563 ทั้งให้ความช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ เด็กและเยาวชน ผู้ยากไร้และขาดโอกาส รวมถึง ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต
พ.ศ.
2565
มูลนิธิเอสซีจีได้ริเริ่มขยายแนวคิด “LEARN to EARN” เรียนรู้เพื่อ อยู่รอด
ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง และสามารถอยู่รอดได้ในปัจจุบันและอนาคต มูลนิธิเอสซีจีจึงได้ผลักดัน แนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด แนวคิดที่เชื่อว่าทุกคนมีคุณค่า และศักยภาพในตัวเอง สามารถเผชิญโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยใช้การเรียนรู้ตลอดชีวิตนำทางเพื่ออยู่รอดอย่างยั่งยืนและมีความสุข ผ่านการให้ทุน และการพัฒนาศักยภาพเยาวชน ทั้งทักษะวิชาชีพ (Hard skills) และเสริมสร้างทักษะชีวิต (Soft skills)
พ.ศ.
2566
มูลนิธิเอสซีจี คว้ารางวัล
Asia Responsible Enterprise Awards 2023 ระดับเอเชีย
ตอกย้ำแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด มูลนิธิเอสซีจี ดำเนินโครงการ Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด จนได้รับคัดเลือกให้เป็นองค์กรที่สร้างความโดดเด่นด้าน Investment in People จากเวที Asia Responsible Enterprise Awards จัดโดย Enterprise Asia องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) คัดเลือกองค์กรที่มีผลงานดีเด่นในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนกว่า 19 ประเทศ ทั่วเอชีย
ปัจจุบัน
เจตนารมณ์มุ่งมั่น
“เชื่อมั่นในคุณค่าของคน”
มูลนิธิเอสซีจี เชื่อว่าเด็กและเยาวชนเป็นทรัพยากรอันมีค่าที่สุด ประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรืองได้ จึงจำเป็นต้องมีคนเก่ง และดีที่มีความรู้ ความสามารถ และคุณธรรม จริยธรรมเป็นประการสำคัญ มูลนิธิฯ จึงมุ่งสร้างคนคุณภาพ และพัฒนาศักยภาพให้มีความพร้อมที่จะเผชิญสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ปรับตัวและสามารถหยัดยืนได้ด้วยตนเอง ตลอดจนสร้างโอกาส สร้างคุณค่าให้สังคมต่อไป
แนวทางการดำเนินงาน
มูลนิธิเอสซีจีเชื่อมั่นว่าสังคมคุณภาพ
ต้องประกอบด้วยคนเก่งและดี
จึงมุ่งมั่นเสริมสร้างศักยภาพของคนโดยเน้นที่เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาชาติในอนาคต รวมถึงปลูกฝังจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อจุดประกายให้เกิดการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ต่อสังคมและขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความยั่งยืน