Skip to content

วิกฤตทำให้ได้พบโอกาส

วิกฤต ทำให้ได้พบโอกาส

เชฟวรรณ-ศรีวรรณ สุขสบาย อดีตเชฟภัตตาคารชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่

ผู้ชายคนหนึ่งใส่ชุดเชฟกำลังยืนปรุงอาหารในกระทะอย่างคล่องแคล่วอยู่กับรถเข็นคันเล็ก ๆ ที่ถูกดัดแปลงมาสำหรับขายอาหารตามสั่ง ทั้งสองข้างของรถเข็นถูกล้อมด้วยลูกค้าที่ยืนต่อคิวรออาหารรสชาติเยี่ยม ราคาถูกจากฝีมือผู้ชายที่ใส่ชุดเชฟคนนี้ เขาคือ เชฟวรรณ-ศรีวรรณ สุขสบาย อดีตเชฟภัตตาคารอาหารจีนในโรงแรมชื่อดังของจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดเชียงใหม่ แต่ด้วยผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้ชีวิตของเชฟวรรณต้องพลิกผันจากการเป็นเชฟทำอาหารอยู่ภัตตาคารหรูในโรงแรม มาเป็นเชฟรถเข็นขายอาหารตามสั่ง

เชฟวรรณกับวันที่ไม่ได้เป็นเชฟในภัตตาคาร

เชียงใหม่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยและมีลูกค้าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหายไป ซึ่งกระทบธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่โดยตรง รวมถึงภัตตาคารอาหารจีนชื่อดังที่เชฟวรรณทำงานอยู่ ก็ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ต้องยอมปิดตัวลงเช่นกัน ทำให้รายได้ของเชฟวรรณจากที่เคยได้รับเดือนละสองหมื่นกว่าบาทกลายเป็นศูนย์บาทเพียงชั่วข้ามคืน ในขณะที่ภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวยังเท่าเดิม “ช่วงแรกเจ้าของขอลดเงินเดือนจากสองหมื่นเหลือหมื่นนิด ๆ พอช่วงโควิด-19 หนัก ๆ เขาไม่มีเงินจ้างเพราะว่าไม่มีลูกค้า ที่ร้านส่วนใหญ่ที่มาคือนักท่องเที่ยวชาวจีน พอไม่มีนักท่องเที่ยวร้านก็ไปต่อไม่ได้ ต้องปิดในที่สุด”

เข้าใจ ยอมรับ ลุกแล้วเดินต่อไป

ช่วงที่ตกงานเชฟวรรณได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ การปฏิบัติธรรมครั้งนั้นช่วยให้เชฟวรรณมีจิตใจที่สงบความเครียดหายไป จึงคิดหาช่องทางหารายได้ให้เร็วที่สุด เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบมากมาย เชฟวรรณตัดสินใจรวบรวมเงินที่ยังพอมีอยู่บ้างโดยไม่รอความช่วยเหลือจากใคร นำเงินมาซื้อรถเข็นเพื่อดัดแปลงทำเป็นรถเข็นสำหรับขายอาหารตามสั่ง แล้วเดินตระเวนขายไปตามจุดต่าง ๆ ทั่วตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งขายในราคาย่อมเยาเพื่อให้ชาวบ้านได้กินอาหารอร่อยฝีมือระดับภัตตาคารในราคาที่ไม่แพง
“ผมเข้าใจนายจ้างเพราะเขาเองก็มีภาระที่ต้องแบกรับเยอะเหมือนกัน เครียดและท้อไปก็เท่านั้นเพราะทุกคนก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน คิดหาวิธีเอาความรู้ที่มีมาทำให้มีรายได้ดีกว่า ยอมรับว่าช่วงแรกที่ตัดสินใจออกมาเข็นรถขายอาหาร ผมรู้สึกอายมากเพราะในชีวิตไม่เคยต้องออกมาเข็นขายอะไรแบบนี้ ทำอาหารอยู่แต่ในโรงแรมอย่างเดียว แต่เมื่อมีความจำเป็นต้องออกไปความอายมันก็ค่อย ๆ หายไป ผมว่าไม่มีเงินแล้วไปขอเขามันน่าอายมากกว่า”

ขอบคุณวิกฤตที่ทำให้พบโอกาสใหม่

ขณะที่หลายคนรู้สึกแย่กับการได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 แต่เชฟวรรณกลับขอบคุณวิกฤตครั้งนี้ เพราะหากไม่เกิดวิกฤตนี้ขึ้น เชฟวรรณคงไม่ได้ออกมาจากพื้นที่ปลอดภัย (comfort zone) มาเผชิญกับความจริงของชีวิตที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ คงไม่ได้เป็นนายของตัวเองต้องเป็นลูกจ้างไปตลอดชีวิตหรือจนกว่าจะทำงานต่อไปไม่ไหว สิ่งที่เชฟวรรณได้เรียนรู้จากวิกฤตโควิด-19 คือ การรู้จักยอมรับและปรับตัวอย่างไรให้ก้าวผ่านวิกฤตไปได้ ด้วยการนำความรู้และความสามารถที่ตัวเองมีมาสร้างรายได้เพื่อต่อยอดชีวิตให้กับตัวเองและครอบครัว

“ถ้าไม่มีวิกฤตครั้งนี้ก็คงไม่มีผมวันนี้เหมือนกัน เพราะเป็นลูกจ้างเขามาตลอด วิกฤตทำให้ผมได้เริ่มออกมาเข็นรถขายอาหารตามสั่ง แล้วตอนนี้ผมได้ขยับขยายจากรถเข็นมาเปิดร้านขายอาหาร ได้เป็นเจ้านายตัวเองแล้ว” เชฟวรรณเล่าด้วยรอยยิ้มทุกวิกฤตส่งผลกระทบให้หลายคนสูญเสียอาชีพสูญเสียรายได้ แต่อย่างไรก็ตามตราบใดที่ยังมีชีวิตมีลมหายใจ เราจะมีวิธีให้ตัวเองผ่านพ้นทุกวิกฤตไปได้เพียงเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง แล้วนำสิ่งที่ตัวเองรู้และถนัดออกมาใช้

“ใจเราต้องสู้ก่อนแล้วร่างกายก็จะหาทางดิ้นรนสู้ ตราบใดที่เรายังมีชีวิต เพราะชีวิตคือการต่อสู้ ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตอะไรขึ้นอีกในอนาคตที่หนักกว่าวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้เราก็ต้องปรับตัวให้ได้ อะไรที่พอทำได้ก็ทำไปก่อน การนั่ง ๆ นอน ๆ แล้วจมอยู่กับความเครียดไปวัน ๆ มันไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้เกิดขึ้น” เชฟวรรณ-ศรีวรรณ สุขสบาย