เป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่า เราทุกคนล้วนต้องเจอช่วงเวลาที่ยากลำบาก คล้ายกับโชคชะตาส่งบททดสอบมาพิสูจน์ความเข้มแข็งของจิตใจ เพื่อจะดูว่าเรามีวิธีเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ร้าย ๆ หรือจัดการกับอุปสรรคในชีวิตกันอย่างไร เช่นเดียวกับชีวิตของ น้องเอิร์น หรือ นางสาว ณัฐฐิณี เสมอ ที่เจอบททดสอบไม่ต่างจากคนอื่นเช่นกัน
จากเด็กที่เคยมีชีวิตสุขสม ครอบครัวมีฐานะร่ำรวย ได้เรียนโรงเรียนเอกชน ตลอดจน มีโอกาสเรียนเสริมทักษะพิเศษต่างๆ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อพ่อและแม่ของเธอได้เสียชีวิต ตอนเรียนอยู่ชั้นประถม 2 น้องเอิร์นชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอเผชิญกับความยากลำบากทั้งทางกายและทางใจ แต่ก็ผ่านบททดสอบแห่งโชคชะตามาได้ด้วยใจสู้ และกำลังใจจากตัวเอง จนตอนนี้ เธอเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ปฏิบัติงานในแผนกอายุรกรรมหญิง โรงพยาบาลวชิรพยาบาลและมีรายได้หล่อเลี้ยงชีวิตจนถึงทุกวันนี้
ต้นทุนชีวิตก็สำคัญ แต่อีกสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือ “ความพยายาม” และ “การลงมือทำ”
หลังจากที่น้องเอิร์นสูญเสียคุณพ่อ และคุณแม่ในช่วงที่เธอเรียนอยู่ชั้นประถม 2 ทำให้เธอต้องระหกระเหินมาอยู่กับคุณตา-คุณยายที่จังหวัดพะเยา คอยช่วยทำงานบ้าน และเข้าสวน เข้าไร่เพื่อเก็บพืชผล เธอใช้ชีวิตยากลำบาก แต่ก็อดทนจนกระทั่งเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย แม้ว่าในตอนนั้น เธอจะลองไปสอบเข้าคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรมที่มหาฯ ลัยมาแล้ว แต่น่าเสียดายว่า ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนแต่ก่อนและไม่อยากเป็นภาระคนอื่น จึงตัดสินใจทิ้งความคิดที่จะเรียนต่อระดับปริญญาตรี และเลือกหางานทำเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพแทนในช่วงเวลานั้น เธอวางแผนว่าจะมาหางานพาร์ทไทม์ทำที่กรุงเทพฯ แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่ป้าของน้องเอิร์นติดต่อมาว่าเพื่อนของป้าซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมกำลังต้องการพนักงาน เลยแนะนำให้เธอไปลองสมัครดู เมื่อคิดว่ามันเป็นโอกาสดีและช่องทางหารายได้ เธอจึงตัดสินใจออกเดินทางจากจังหวัดพะเยา มุ่งหน้าสู่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองพัทยา
ในตอนนั้น น้องเอิร์นเริ่มจากการเป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าของโรงแรม และอาจมีเข้าไปช่วยงานส่วนอื่นด้วย เมื่อระยะเวลาผ่านไป 6 เดือน ผู้จัดการโรงแรมเห็นความสามารถ จึงให้เธอทดลองงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการดู 6 เดือนก่อน หากเธอทำได้จะได้รับตำแหน่งจริง และสุดท้าย เธอทำได้ และเป็นผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรม ในเวลาต่อมา “หนูตั้งใจทำงานมาก และคิดว่าข้อดีของหนู คือเป็นคนหัวไว เรียนรู้งานได้เร็ว รวมถึง เวลาอยู่หน้างานสามารถแก้ปัญหาได้ดี และนี่คงเป็นเหตุผลทีทำให้หัวหน้าเห็นถึงศักยภาพ จึงเลื่อนตำแหน่งให้แม้จะทำงานมาได้เพียงหนึ่งปีค่ะ”
จุดเริ่มต้นของการเป็น ‘ผู้ช่วยพยาบาล’ มาจากสถานการณ์โควิด -19
แม้ชีวิตการทำงานของผู้ช่วยผู้จัดการโรงแรมจะไปได้สวย แต่พอมีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามา ธุรกิจด้านโรงแรมได้รับผลกระทบ เศรษฐกิจซบเซาอย่างเห็นได้ชัด น้องเอิร์นที่ทำงานด้านโรงแรมมากว่า 3 ปี จำเป็นต้องหาอาชีพใหม่ ประกอบกับเธอเองเคยมีความฝันว่า อยากทำงานข้าราชการ จึงคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่ได้เวลาเรียนจริงจังอีกครั้ง
จากการศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียด สุดท้าย เธอตัดสินใจเดินทางจากพัทยามาเรียนที่กรุงเทพฯกับหลักสูตร 1 ปีที่มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ สาขาผู้ช่วยพยาบาล (การดูแลผู้สูงอายุ)
“เวลาเลือกเส้นทางใหม่ ๆ ในชีวิต หนูตัดสินใจด้วยตัวเองหมดเลย แต่ก็ไม่เคยกลัวความล้มเหลวเพราะมองว่าในทุกประสบการณ์ เราย่อมได้เรียนรู้อะไรจากมัน ที่สำคัญ ยังช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นด้วยค่ะ”
ส่วนเหตุผลที่น้องเอิร์นเลือกเรียนหลักสูตรระยะสั้น เพราะหลังจากเรียนจบแล้วนั้นมีงานรองรับทันที ทำให้เธอมั่นใจว่าเรียนจบไปก็ไม่ตกงาน แต่ช่วงที่เรียนนั้น ก็ยังมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่น่าหนักใจ เพราะค่าเล่าเรียนทั้งหมดมาจากเงินเก็บช่วงที่เธอทำงานที่โรงแรม ซึ่งถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยก็ไม่แน่ใจว่าจะพอหรือเปล่า แต่ตอนนั้น อาจารย์ที่มหาฯ ลัย แนะนำให้เธอลองยื่นเรื่องขอทุนระยะสั้นเพื่อการมีอาชีพ ของมูลนิธิเอสซีจีดู โชคดีที่เธอได้รับการคัดเลือกและได้ทุนมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งทุนนี้เป็นทุนแบบไม่มีภาระผูกพัน และที่สำคัญยังเป็นเงินก้อนสำคัญที่เข้ามา
ต่อลมหายใจในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ทั้งเรื่อง ค่าอาหารการกิน ค่าห้องเช่าที่เธอต้องมาอาศัยที่กรุงเทพ ฯ แบบตัวคนเดียวอีกด้วย
หลังจาก น้องเอิร์นเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษาก็ได้เข้าทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลแผนกอายุรกรรมหญิงที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล ซึ่งเธอทำงานอยู่ในหอผู้ป่วย Semi ICU อายุรกรรมด้วย โดยมีหน้าที่คอยดูแลกลุ่มผู้สูงอายุทุกรูปแบบทั้ง ผู้สูงวัยปกติติดเตียง ไปจนถึงผู้ป่วยหนักถึงขั้นใส่ท่อช่วยหายใจ
“ช่วงแรกของการทำงาน ถือว่า ปรับตัวยากเหมือนกันค่ะ แถมยังกล้า ๆ กลัว ๆ ด้วย เพราะการทำงานที่โรงพยาบาลจะมีการเดิมพันด้วยชีวิตคน แต่พอรู้ว่ายาก เรายิ่งต้องตั้งใจมากกว่าเดิม ทำให้ช่วงเริ่มงาน 3 เดือนแรกที่มีพี่เลี้ยงคอยดูตลอดนั้น หนูเองก็วิ่งเข้าหางานเพื่อพัฒนาตัวเองไปด้วย ทุกครั้งที่ได้ขึ้นวอร์ด เตรียมของในแต่ละหัตถการที่คุณหมอบอก เราก็จดจำและพยายามเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง พอสั่งสมประสบการณ์มาเรื่อย ๆ บวกกับเป็นคนหัวไว เลยทำให้เข้าใจเนื้องานได้เร็ว และมั่นใจในการทำงานมากขึ้น อย่างเช่น ถ้าเห็นคนไข้หน้าซีด หรือ มีอาการสำลัก หนูรู้แล้วว่าเริ่มมีอาการผิดปกติ ตามหน้าที่ก็ต้องรีบรายงานให้พี่พยาบาลและคุณหมอทราบเพื่อช่วยหาทางแก้ไขกันต่อไป”
ประสบการณ์การทำงานได้สอนให้รู้ว่า ‘ใจเย็น’ เป็น ‘สิ่งสำคัญ’
แม้การทำงานด้านโรงแรมกับโรงพยาบาลจะมีเนื้องาน และกลุ่มลูกค้าต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่น้องเอิร์นมองว่าทั้งสองอาชีพนั้นเหมือนกัน คือ เป็นงานบริการ ฉะนั้น งานบริการที่ดี สิงสำคัญ คือ ต้องมีทักษะการเจรจา วิธีการใช้คำพูดที่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจกับวิธีการแก้ปัญหาของเรา และต่อมาต้องเป็นคนใจเย็น ซึ่งน้องเอิร์นเอง ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ เป็นคนใจร้อน แต่ด้วยประสบการณ์การทำงานที่โรงแรมได้พัฒนาจิตใจให้เธอเป็นคนใจเย็นลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอมาทำงานที่โรงพยาบาล ก็ยิ่งต้องใจเย็นกว่าเดิม เพราะมันไม่ใช่แค่การรับมือกับผู้ป่วย แต่ต้องรับมือกับอารมณ์ของญาติผู้ป่วยด้วย หากไม่ฝึกควบคุมอารมณ์ตัวเองและเผลอใจร้อน ขาดสติอาจเผลอทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควรแล้วมานั่งเสียใจภายหลังได้
ผ่านช่วงเวลายากลำบาก ด้วยการ ‘เติมพลังบวก’
“เวลาเจอช่วงที่ยากลำบาก เหนื่อย ท้อ หนูก็มีเครียดค่ะ จนถึงขั้นร้องไห้ก็ออกบ่อย แต่ทุกครั้งที่พบเจอปัญหาในชีวิต หนูพยายามให้กำลังใจตัวเองและคิดบวก รวมถึง ปล่อยวางความคิดลบ เพราะส่วนตัวคิดว่าถ้าเรามองโลกในแง่บวก อย่างน้อยมันก็ช่วยเติมพลังและช่วยให้มีแรงจัดการกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ดีกว่าค่ะ”
ชีวิตจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ตัวเราเอง
“แม้ในอดีตจะเคยเสียดายที่ไม่ได้เรียนต่อระดับมหาฯ ลัย แต่ตอนนี้ หนูกลับคิดใหม่ว่า อย่างน้อยหนูโชคดีที่ได้ทำงานไว ทำให้มีเวลามากพอที่จะเก็บเงินสร้างบ้าน สร้างอนาคต และส่วนตัวก็ไม่เคยคิดเกเรอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่า เราทุกคนสามารถเลือกเส้นทางชีวิตที่ดีได้ ตอนนี้หนูจึงโฟกัสแค่ปัจจุบัน และอดทนเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นค่ะ”
หลักสูตรระยะสั้นเพื่อสร้างอาชีพ หนึ่งหนทางแห่งการอยู่รอด
“หนูมองว่าการเลือกเรียนระยะสั้นเพื่อสร้างอาชีพ มันทำให้เราอยู่รอดเพราะมีงานรองรับเลย แต่ก็ต้องศึกษาแต่ละสถาบันให้ดีก่อน ว่าเขามีการการันตีจริงไหมอย่างที่หนูเลือกเรียนผู้ช่วยพยาบาลที่มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชนี้ เพราะเขาได้การรับรองหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาลจากสภาการพยาบาล จึงมีความน่าเชื่อถือพอสมควร นอกจากนี้ ก่อนจะเลือกเรียนที่ไหน การศึกษาหาข้อมูลอย่างเดียวคงไม่พอ ควรไปสำรวจสถาบันนั้น ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อไปดูบรรยากาศโดยรวมและไปสอบถามเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เรียนว่า มีงานรองรับจริงไหม หลักสูตรการเรียนเป็นยังไง เพราะถ้าเราสอบถามความเห็นจากผู้เรียนโดยตรง เราจะได้รับข้อมูลที่จริงด้วยค่ะ”
‘ผู้ช่วยพยาบาล’ อาชีพที่ไม่อดตาย เพราะใคร ๆ ก็ต้องการ
“ตอนนี้ หนูยังมีความสุขกับสิ่งที่ทำ นั่นคือ การเป็นผู้ช่วยพยาบาล และหนูมองว่า คนที่อยู่ในสายอาชีพนี้ ยังไงก็ไม่อดตาย เพราะจากข้อมูลที่รู้มาเฉพาะโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ผู้ช่วยพยาบาล เป็นอาชีพที่ขาดแคลนอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการในปัจจุบัน ฉะนั้น หากใครที่คิดจะลองเรียนหลักสูตรระยะสั้น การเลือกเรียนด้านผู้ช่วยพยาบาลก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ”