ผมอยู่กับแม่และพี่ชายครับ ส่วนคุณพ่อเสียไปแล้ว ที่บ้านก็ทำอาชีพเกษตร มีสวนยางพารา มีสวนผลไม้แบบสวนผสมที่ปลูกไว้กินเอง ที่บ้านก็บอกให้ผมตั้งใจเรียน อยากเรียนอะไรก็แล้วแต่ผมเลย
เห็นคนป่วยแล้วไม่ค่อยได้รักษาเยอะมาก โรงพยาบาลก็อยู่ไกล ส่วนใหญ่ต้องไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งก็ไม่พร้อม พนักงานก็มีน้อย เลยคิดว่าเรียนด้านนี้ จะได้จบออกมาช่วยได้
อยากเรียนจบแล้วออกมาช่วย
ลูกหมีเลือกเรียนสาธารณสุขชุมชน เพราะจุดยืนที่อยากช่วยเหลือคนอื่น บวกกับความเรียลจากสิ่งที่เห็น “บ้านผมอยู่ชนบท ก็เห็นคนป่วยแล้วไม่ค่อยได้รักษาเยอะมาก โรงพยาบาลก็อยู่ไกล ส่วนใหญ่ต้องไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งก็ไม่ค่อยพร้อม พนักงานก็มีน้อย เลยคิดว่าเรียนด้านนี้จะได้จบออกมาช่วยได้” พอได้มาเรียนก็เจอเนื้อหาที่เยอะเอาเรื่อง โดยเฉพาะวิชาโปรดอย่างระบาดวิทยา “ก็จะเรียนเรื่องการระบาดของโรค เช่น ไข้เลือดออก อุจจาระร่วง คือตอนนั้นยังไม่มีโควิด หลักสูตรก็เน้นควบคุมโรคไข้เลือดออกครับ ได้คำนวณการแพร่ระบาด แล้วก็มีดีเทลยิบย่อยที่ต้องอ่านเพิ่ม ศึกษาเพิ่ม ก็สนุกดี” ในส่วนของกิจกรรม ลูกหมีก็กวาดเรียบ ทั้งเป็นอุปนายกสโมสรนักศึกษา หัวหน้าประชาสัมพันธ์ พิธีกรของวิทยาลัย เหนื่อยแต่โอเค ได้ประสบการณ์ ส่วนแชลเลนจ์ที่ต้องเจอก็อยู่นอกวิทยาลัยซะมากกว่า “ตอนลงพื้นที่ชุมชนก็เจอคนที่เขาไม่เก็ตแนวคิดเรื่องสุขภาพ ก็ต้องสร้างความเข้าใจ ซึ่งยากครับ ต้องใช้เวลา”
มีน้อย หาทุนเพิ่ม
เพราะครอบครัวมีไม่มาก อะไรที่แบ่งเบาได้ลูกหมีก็จัดหมด “พอเข้าเรียนที่วิทยาลัย ผมไปปรึกษาอาจารย์แนะแนวว่า พอจะมีทุนการศึกษาอะไรบ้างไหม ทางอาจารย์ก็เลยแนะนำทุนของมูลนิธิเอสซีจีมา ผมก็เลยสมัครไปครับ แล้วก็ได้ด้วย ดีใจมาก ทุนนี้ก็มาช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเหมือนกันครับ ไว้ใช้กับการเรียน”
เขาแฮปปี เราแฮปปี
เรียนก็ขยัน กิจกรรมก็จัดเต็ม สกิลเบสิกคือพร้อม พอมาทำงานเป็นนักวิชาการสาธารณสุขก็ชิล แม้จะยังไม่ได้ทำในพื้นที่บ้านเกิด (เกิดที่ตรัง ทำงานที่นครศรีธรรมราช) แต่ก็เป็นการอุ่นเครื่องที่โอเค ลูกหมีเลยไม่ได้รู้สึกว่างานนี้มีอะไร ทำให้เฟล “งานไม่ได้ยากครับ เพราะว่าเราเจอทีมซัปพอร์ต ได้ทำงานเป็นทีม ไม่เหมือนตอนฝึกงาน แล้วสิ่งที่เรียนมาคือได้ใช้หมด ก็รู้สึกเต็มที่” และเรื่องโชคดีพอ ๆ กับถูกหวยคือการได้เพื่อนร่วมงานที่เวิร์ก ทำให้มีแต่พลังงานบวก คนในชุมชนรอบ ๆ ก็น่ารัก “ผมแฮปปีกับงานนะ ไปถึงก่อนเวลาเป็นชั่วโมงตลอไปเตรียมตัว คือปกติเริ่มงาน 8 โมงครึ่ง 7 โมงผมก็ไปถึงแล้ว คนอื่นก็เหมือนกัน” แต่บอกว่าโอเคและแฮปปีก็ไม่ใช่ว่าหยุดตรงนี้ เพราะงานสาธารณสุขก็เหมือนโซเชียล ต้องอัปเดตข้อมูลตลอดเพื่อบริการคนในชุมชนได้แบบชัวร์ ๆ “เรื่องไกด์ไลน์เกี่ยวกับโรค อัปเดตโรค พวกการใช้ยาต้องหามาอ่านประจำ ขาดไม่ได้ คนทำงานสาธารณสุขไม่ได้ทำงานเป็นรูทีนนะครับ ต้องหาความรู้ตลอด สกิลพวกนี้ต้องใช้กับคนในชุมชน” สำหรับอนาคต ลูกหมีก็แพลนแล้วในใจ เป็นไปได้ก็อยากกลับไปทำงานจังหวัดบ้านเกิด สอบไต่เต้าเป็นระดับบริหาร “ก็ต้องรอความพร้อมและจังหวะที่จะย้าย แต่ไม่เป็นไร ผมอยู่นี่ก็ทำประโยชน์ให้ชุมชนได้ เวลาเห็นเขาเจ็บป่วยมาแล้วผมช่วยทำให้เขาหาย เขามีความรู้ที่จะไปดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ผมก็แฮปปีครับ ก็จะพยายามพัฒนาตัวเอง เพราะโลกก็เปลี่ยนไปทุกวัน เต็มที่ครับ”
เรื่องไกด์ไลน์เกี่ยวกับโรค อัปเดตโรค พวกการใช้ยา ต้องหามาอ่านประจำนะ ขาดไม่ได้ คนทำงานสาธารณสุขไม่ได้ทำงานเป็นรูทีนนะครับ ต้องหาความรู้ตลอด สกิลพวกนี้ต้องใช้กับคนในชุมชน