ต่อมาเจเจได้ย้ายมาอยู่กับยายหนิงที่เป็นพี่สาวคนโตของยาย ที่เมตตารับเขามาอุปการะให้ที่อยู่ที่กิน และส่งเสียเลี้ยงดู บ้านของยายหนิงตั้งอยู่ บนพื้นที่เช่าใกล้ๆ สถานีรถไฟศาลายา ใช้อยู่อาศัยและเปิดเป็นร้านขายของชำเล็กๆ ซึ่งในทุกวัน เจเจจะไปเรียนตามปกติ แต่พอเลิกเรียนแล้วเขาจะรีบตรงกลับบ้าน โดยทันที เพื่อคอยช่วยงานในร้าน เช่น ขายของ ยกของ เก็บกวาด จัดเรียงสินค้า คอยช่วยงานต่างๆ อย่างสุดกำลังเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้ แต่ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดพิเศษเจเจก็จะอยู่ร้านทั้งวันเพื่อช่วยงาน ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระ คลายความเหนื่อยล้า และได้ทดแทนพระคุณของยายหนิงที่ได้กรุณาชุบเลี้ยง คุณยายที่ตอนนี้ถือเป็นเสาหลัก เป็นหลักของชีวิตที่ให้เจเจได้พึ่งพิง และในช่วงปิดเทอมเจเจ ยังออกไปรับจ้างทำงานพิเศษที่ร้านอาหารเพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว และส่งไปช่วยเหลือน้องๆ อีกด้วย
ผมอยากให้ทุกคนลองมองความฝันของตัวเอง มันก็คงเป็นไปไม่ได้ หากคุณมัวแต่ท้อแท้และสิ้นหวัง ลุกขึ้นสิ แล้วเดินตามทางต่อไป ล้มบาง เซบ้าง แต่แค่เราไม่หยุดเดิน เราก็จะไปถึงจุดหมายได้แน่นอน
น้องเจเจเกิดและเติบโตมาใสมัยเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนมัธยมปุรณาวาส เจเจเป็นนักเรียน ที่มีผลการเรียนที่ดี ถือเป็นแบบอย่างของเด็กเรียนดี กิจกรรมเด่น เพราะเข้าร่วม ทุกกิจกรรมของโรงเรียนจนทุกคนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี จนได้รับคัดเลือกให้ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่เมืองฟูกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เดินทางไปเนื่องจากสถานการณ์โควิด แต่ถือเป็นรางวัลที่สร้าง ความภาคภูมิใจให้กับเจเจเป็นอย่างมาก ปัจจุบันนี้น้องเจเจอายุ 18 ปี เป็นนักศึกษา ชั้นปี ที่ 1 คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาการสร้างสรรค์การบริการเพื่อธุรกิจ การท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน
ในส่วนของการวางแผนชีวิตในอนาคต ตอนเด็กๆ เจเจมีความฝันว่าอยากเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ เพราะเขาชื่นชอบภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก แต่พอโตขึ้นเขาเริ่มมีความคิดที่อยากเป็นสจ๊วต พนักงานบริการบนเครื่องบิน เพราะเป็นอีกอาชีพที่จะได้ใช้ทักษะความสามารถด้านภาษาอย่างที่เขารักแต่ไม่ได้หมายความว่าเขา จะทิ้งความฝันการเป็นครูหรอกนะ เพียงแค่วางแผนชีวิตใหม่ว่าจะตั้งใจทำงานตรงนี้สัก 5-10 ปี เพื่อให้มีรายได้ที่มั่นคงเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวลงหลักปักฐานให้ได้ก่อน หลังจากนั้นเขาก็จะผันตัวมาเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษเหมือนที่เคยฝัน และตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็กแน่นอน ถึงเจเจจะเลือกเปลี่ยนเส้นทางแต่จุดหมายปลายทาง ในชีวิตยังคงเหมือนเดิม
แม้ชีวิตจะล้มลุกคลุกคลาน เจอทั้งทุกข์และสุขมามากแต่สิ่งที่เป็นแรงผลักดัน ให้เขาไม่เคยยอมแพ้ แม้จะเจอเรื่องที่ลำบากมากก็ตามนั่นก็คือครอบครัว ถึงครอบครัวเขาจะมีปัญหา ไม่ได้สมบูรณ์ ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่เจเจก็มีความฝันว่าอยากเห็นครอบครัวของเขากลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง ดังนั้น เจเจ จึงมองว่าความฝันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเมื่อใดที่เขาท้อ สิ้นหวัง หรือหมดไฟ เขาจะหันกลับไปมองความฝันและบอกตัวเองว่าถ้าเรายังเป็นแบบนี้ ความฝันคง ไม่เป็นจริงหรอก ยิ่งความฝันเราใหญ่แค่ไหน มันก็ยิ่งเป็นเชื้อเพลิงที่จะจุดไฟให้เราได้ดีขึ้นยิ่งขึ้นไปอีก จึงอยากฝากกำลังใจถึงทุกคนทีมีความฝันว่า
ผมอยากจะให้ทุกคนลองมองความฝันของตัวเอง มันก็คงเป็นไปไม่ได้ หากคุณ มัวแต่ท้อแท้และสิ้นหวังลุกขึ้นสิ แล้วเดินตามทางต่อไป ล้มบาง เซบ้าง แต่แค่เรา ไม่หยุดเดิน เราก็จะไปถึงจุดหมายได้แน่นอน
ขอบคุณภาพจาก : เก่งจริงชิงค่าเทอม | ONE31