มูลนิธิเอสซีจีเปิดเวทีแห่งโอกาส จุดประกายคนรักงานศิลป์ แจ้งเกิดเป็นยุวศิลปินรุ่นใหม่ ในโครงการรางวัลยุวศิลปินไทย ประจำปี 2565 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

มูลนิธิเอสซีจี เปิดพื้นที่แห่งโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 15-25 ปี ทั่วประเทศ ที่มีใจรักการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ มาประลองความคิดสร้างสรรค์ ประชันไอเดียศิลป์ เพื่อแจ้งเกิดเป็นยุวศิลปินเลือดใหม่ในวงการศิลปะกับโครงการรางวัลยุวศิลปินไทย 2565 หรือ Young Thai Artist Award 2022 เวทีประกวดศิลปะสำหรับเยาวชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัลรวม 3,300,000 บาท โดยน้องๆ สามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ถึง 6 สาขา ได้แก่ ศิลปะ 2 มิติ ศิลปะ 3 มิติ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ วรรณกรรม และการประพันธ์ดนตรี

น้องๆ เยาวชนที่สนใจและมีศักยภาพด้านศิลปะ เชิญมาปลดปล่อยพลัง โชว์ความสามารถ เปล่งประกาย Shine Your Way แจ้งเกิดเป็นดาวดวงใหม่ในวงการศิลปะ สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2565 *ยกเว้นสาขาวรรณกรรมปิดรับสมัครวันที่ 15 กรกฎาคม 2565

สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัคร Online ได้ที่ www.youngthaiartistaward.com  ติดตามความเคลื่อนไหวและสอบถามรายละเอียดได้ที่ คลิก www.facebook.com/YoungThaiArtistAward และ www.instagram.com/youngthaiartistaward

มูลนิธิเอสซีจี หนุนเด็กไทยให้เรียนรู้เพื่ออยู่รอด มอบ 245 ทุนการศึกษา ตอบโจทย์โลกยุคใหม่

เพราะโลกในแต่ละวันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว “มูลนิธิเอสซีจี” จึงเดินหน้าผลักดันภารกิจสนับสนุนการเรียนรู้ตามแนวคิด “Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด” มุ่งสร้างอนาคตให้เยาวชนไทย มอบทุนการศึกษาในระดับ ปวส. และ ป.ตรี รวมถึงหลักสูตรระยะสั้น ได้แก่ ด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ด้านอุตสาหกรรม S-curve และ New S-curve ด้านเทคโนโลยี IT รวมถึงด้านการส่งเสริมอาชีพทั่วไป โดยในปี 2565 จะมอบทุนการศึกษาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนทั่วประเทศทั้งหมด 245 ทุน

โดยที่ผ่านมา มูลนิธิเอสซีจีได้มอบทุนการศึกษาภายใต้แนวคิด Learn to Earn ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 1,700 ทุน รวมเป็นเงินกว่า 40 ล้านบาท ได้แก่ ด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ด้านอุตสาหกรรม S-curve และ New S-curve ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม ด้านอาชีวศึกษา และด้านการส่งเสริมความสามารถ/ความเชี่ยวชาญระยะสั้นเพื่อการมีอาชีพ เป็นต้น ซึ่งในปีนี้ มูลนิธิฯ ยังได้เพิ่มทุนการศึกษาในสาขาใหม่ๆ ตามแนวคิด  “Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด” เพื่อตอบโจทย์โลกยุคใหม่ รวมทั้งสิ้น 245 ทุน แบ่งเป็น 3 ประเภททุน ได้แก่ ทุนอาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ จำนวน 150 ทุน และ ทุนระดับปริญญาตรี สาขา E Sport  จำนวน 45 ทุน โดยเป็นการเปิดรับสมัครผ่านสถาบันการศึกษา 

ส่วน ‘ทุนระยะสั้นเพื่อการมีอาชีพ’ ล่าสุดได้เปิดหลักสูตร ‘ช่างติดตั้งและบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์’ (Solar Cell) จำนวน 50 ทุน เพื่อเรียนรู้หลักการทางเทคโนโลยีและฝึกทักษะพื้นฐานที่ถูกต้องครบถ้วน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย และเป็นช่างที่มีคุณภาพ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศเป็นผู้อบรม ใช้ระยะเวลาเรียนเพียง 3 วัน ก็สามารถนำทักษะความรู้ความสามารถที่ได้ไปประกอบอาชีพ สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว  

ทั้งนี้ ภารกิจมอบทุนการศึกษาตามแนวคิด Learn to Earn จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาทักษะของเยาวชนให้ตอบโจทย์และตรงกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยการเสริมความรู้และทักษะที่ใช้ในการทำงาน (Hard skill) และทักษะทางด้านการเข้าสังคมและอารมณ์ (Soft skill) หรือ ‘ทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21’ (Power Skill) ซึ่งเป็นทักษะที่มีความจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตและการทำงานของเยาวชน Generation Z ทั้งในยุคปัจจุบันและในอนาคต

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการให้ทุนแต่ละประเภททุนได้ที่ www.scgfoundation.org และ

เฟซบุ๊ก LEARNtoEARNbySCGFoundation

#มูลนิธิเอสซีจี #รุ่นนี้ต้องรอด #LearntoEarn #เรียนรู้เพื่ออยู่รอด

มูลนิธิเอสซีจี มอบทุนการศึกษา “Learn to Earn” ปี 2565

มูลนิธิเอสซีจี มอบทุนการศึกษา “Learn to Earn” ปี 2565​ สนับสนุนการเรียนรู้ตามแนวคิด “Learn​ to​ Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด” มุ่งสร้างอนาคตให้เยาวชนไทย โดยมอบทุนการศึกษาในระดับ ปวส. และ ป.ตรี รวมถึงหลักสูตรระยะสั้น ได้แก่ ด้านอุตสาหกรรม S-curve และ New S-curve ด้านพลังงานสะอาด และ E sport

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการให้ทุนแต่ละประเภททุนได้ดังนี้

  • ทุนระยะสั้น หลักสูตรฝึกอบรมการติดตั้งและบำรุงรักษา ระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์

    เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 25 เมษายน 2565
    รายละเอียดการรับสมัคร