มูลนิธิเอสซีจี และกลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง ห่วงใยพี่น้องสื่อมวลชน ร่วมมอบสเปรย์แอลกอฮอล์ 15,000 ขวด ให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และรายการเรื่องเด่นเย็นนี้และสถานีวิทยุครอบครัวข่าว

จากวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้คนไทยการ์ดไม่ตกและเพื่อเผ้าระวังและป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดรอบที่ 2 กลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง ผู้ผลิตน้ำตาลครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ร่วมมือกับมูลนิธิเอสซีจี และ เอสซีจี เอ็กซ์เพรส ร่วมผลิตและขนส่งสเปรย์แอลกอฮอล์ขนาด 60 มิลลิลิตร จำนวนทั้งสิ้น 200,000 ขวด โดยได้ทยอยส่งมอบ และจัดส่งไปยังผู้รับในจุดหมายปลายทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสี่ยง หรือกลุ่มประชาชนผู้ขาดโอกาส กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้ใช้แรงงาน ตลอดจนสื่อมวลชน ในการนี้ มูลนิธิเอสซีจีร่วมกับกลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง และเอสซีจี เอ็กซ์เพรส จึงได้ส่งมอบสเปรย์แอลกอฮอล์จำนวน 15,000 ขวดให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รายการเรื่องเด่นเย็นนี้และสถานีวิทยุครอบครัวข่าว โดยมี ดร. อุกฤษฏ์ อัษฎาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรุ่งเรืองพลังงาน จำกัด บริษัทผู้ผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล ภายใต้กลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง และคุณยุทธนา เจียมตระการ กรรมการมูลนิธิเอสซีจี เป็นผู้ส่งมอบ เพื่อนำไปแจกให้กับสื่อมวลชน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งกลุ่มอาชีพ ที่ต้องพบผู้คนมากมาย เดินทางเข้าไปรายงานข่าวในพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยง เพื่อนำข้อมูล ตลอดจนสร้างความรู้ความเข้าใจสถานการณ์ โควิด-19 ให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนเข้าถึงและเข้าใจสถานการณ์อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ ยังมีแผนจัดส่งสเปรย์แอลกอออล์ไปยังกลุ่มผู้ขาดโอกาสต่าง ๆ ในสังคม ได้แก่ กลุ่มผู้พิการทางสายตา โรงเรียนคนตาบอด และกลุ่มพี่น้องประชาชนในชุมชนแออัด ตลอดจนพื้นที่ห่างไกลที่เข้าถึงสเปรย์แอลกอฮอล์ยาก เพื่อสุขอนามัยที่ดี และช่วยลดการระบาดรอบที่ 2

ทั้งนี้ แม้ภาพรวม การระบาดในประเทศไทยจะน้อยลง แต่ก็ยังไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เพราะสถานการณ์ทั่วโลกยังมีการระบาดต่อเนื่อง จึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันของคนไทยทุกคนที่จะช่วยกันดูแลตัวเอง เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง มูลนิธิเอสซีจี และ เอสซีจี เอ็กซ์เพรส หวังว่าทุกคนจะปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19 แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

มูลนิธิเอสซีจี มอบเครื่อง CT Scan วินิจฉัยโควิด-19 ให้โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ มูลค่า 14 ล้านบาท

มูลนิธิเอสซีจี โดยคุณรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ประธานกรรมการมูลนิธิเอสซีจี พร้อมด้วยคุณเชาวลิต เอกบุตร กรรมการบริหารมูลนิธิเอสซีจี คุณสุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี และ ดร.สุรชา อุดมศักดิ์ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ดูแลงานเทคโนโลยีและนวัตกรรม ร่วมส่งมอบเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์(CT Scan) มูลค่าเครื่องรวมถึงการปรับปรุงห้องสำหรับใช้งาน เป็นงบประมาณ 14 ล้านบาท โดยนวัตกรรมนี้ได้รับคำแนะนำจาก Chinese Academy of Sciences สามารถแสดงผลการตรวจที่คมชัดด้วยภาพความละเอียดสูง ที่มาพร้อมซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเพื่อช่วยให้การวินิจฉัยอาการของโควิด-19 แม่นยำและรวดเร็ว รองรับการคัดกรองได้มากถึง 300 คน ต่อวัน อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อวินิจฉัยโรคอื่นๆ โดยมี รศ. นพ. ธันย์ สุภัทรพันธุ์ รักษาการแทนรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย ศ.นพ. ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นตัวแทนรับมอบ

นอกจากนี้ มูลนิธิเอสซีจียังได้ส่งมอบนวัตกรรมป้องกันโควิด-19 ให้กับสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ อาทิ ห้องแยกป้องกันเชื้อความดันลบแบบเคลื่อนที่ (Negative Pressure Isolation Room) และแคปซูลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบขนาดเล็กสำหรับเข้าเครื่อง CT Scan (Small Patient Isolation Capsule for CT Scan) เพื่อปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับ สยามโกลบอลเฮ้าส์ ส่งกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ ด้วยนวัตกรรมป้องกันโควิด-19 ให้โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) สนับสนุน ห้องตรวจหาเชื้อและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง (Modular Screening & Swab Unit) และห้องน้ำสำเร็จรูป มูลค่า 3.9 ล้านบาทเพื่อเสริมความพร้อมหากมีสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวมีการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ออกจากกัน และใช้ระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม พร้อมมีระบบฆ่าเชื้อ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยสามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดได้ในเวลารวดเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งผู้ที่มาใช้บริการ โดยมีคุณวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในงานรับมอบ พร้อมด้วย นายแพทย์ชลวิทย์ หลาวทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ดร.นายแพทย์พิทักษ์พงศ์ พายุหะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด คุณวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และคุณบรรณ เกษมทรัพย์ Head of SCG Home Retail and Distribution Business ในฐานะผู้แทนมูลนิธิเอสซีจี ร่วมในพิธี

นายแพทย์ชลวิทย์ หลาวทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จากการที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดได้รับการสนับสนุนห้องตรวจหาเชื้อและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง (Modular Screening& Swab Unit) จากมูลนิธิเอสซีจี และบริษัทสยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีและขอบคุณยิ่ง ที่ทั้งสององค์กรได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นด่านหน้าในการดูแลผู้ป่วย ทำให้โรงพยาบาลมีห้องตรวจเชื้อและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงที่ได้มาตรฐานมาตรฐานสากล มีความปลอดภัย ทั้งนี้ โรงพยาบาลได้มีการต่อยอดพัฒนาห้องคัดกรอง และห้องตรวจให้เหมาะกับการใช้งานและการบริการผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ โดยได้ปรับสถานที่ให้บริการเป็นแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว หรือ One Stop Service กล่าวคือ เป็นจุดลงทะเบียน สอบถามประวัติ พบคุณหมอเพื่อตรวจสอบอาการ ทำการตรวจหาเชื้อ และรับยา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่จุดบริการอยู่ในพื้นที่ที่จัดแยกเป็นสัดส่วนออกจากอาคารหลักจึงไม่ไปปะปนกับผู้ป่วยอื่น จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ สำหรับการได้รับการสนับสนุนในครั้งนี้จะช่วยในการเตรียมความพร้อม หากเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง หรือเมื่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ผ่อนคลายลง จะสามารถใช้ห้องตรวจนี้สำหรับการตรวจผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ได้แก่ ไข้หวัด และวัณโรคปอด ที่มีผู้มาตรวจรักษาเฉลี่ยถึงปีละกว่า 9,700 คนอีกด้วย สำหรับโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เป็นโรงพยาบาลระดับ A ขนาด 820 เตียง มีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 2,000 คน สำหรับห้องตรวจหาเชื้อและคัดกรองผู้มีความเสี่ยงได้ดำเนินการติดตั้งเสร็จเรียบร้อย และพร้อมเปิดให้ บริการผู้ป่วยที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หรือจมูกไม่ได้กลิ่น โดยตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าตึกมหาวีโร ถนนริมคลอง โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อให้ผู้ที่เข้าข่ายมีความเสี่ยงไม่ต้องเข้าไปปะปนกับผู้มาใช้บริการด้านใน เปิดให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563

คุณบรรณ เกษมทรัพย์ Head of SCG Home Retail and Distribution Business ในฐานะผู้แทนมูลนิธิเอสซีจี กล่าวเพิ่มเติมว่า นวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง (Modular Screening & Swab Unit) นี้ พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ภายในห้องตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ออกแบบให้มีระบบ Smart Indoor Air Quality (IAQ Smart) ที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย และระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้า-ออกตัวอาคาร ทำให้ในตัวอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี โดยทีมแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวก ที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบ และมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่อง จึงป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์ ซึ่งการเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง โดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อเก็บตัวอย่าง จึงลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากผู้ที่เข้ารับการตรวจ พร้อมใช้แสงยูวีเข้มข้นสูง ฆ่าเชื้อโรค (UV Germicide) หลังจากการใช้งานในห้องทุกครั้ง ทั้งนี้ โครงสร้างกว่าร้อยละ 80 ประกอบขึ้นรูปภายในโรงงาน ที่มีการควบคุมคุณภาพ และความสะอาดตลอดกระบวนการผลิต ซึ่งสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว เพิ่มความปลอดภัย และลดความเสี่ยงการติดเชื้อสำหรับทั้งบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยที่มารับบริการ ได้ทราบผลที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

คุณวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงแรก และการเตรียมพร้อมรับมือถ้าหากเกิดการระบาดระลอกถัดมา สิ่งที่โรงพยาบาลต้องพบเจอเป็นด่านแรก คือ การตรวจและคัดกรองผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจากผู้ป่วยทั่วไปก่อนนำไปรักษา และในช่วงที่ผ่านมามีผู้มีอาการเข้ามาตรวจคัดกรองโรคอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่บริษัทสยามโกลบอลเฮ้าส์ เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดร้อยเอ็ด ด้วยเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ มีคู่ค้าและพนักงานที่ทำงานร่วมกันเป็นคนในจังหวัดร้อยเอ็ด และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก เราได้เล็งเห็นว่า โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีภารกิจสำคัญยิ่งในการดูแลผู้ป่วยทั้งในจังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดใกล้เคียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังมีความต้องการการสนับสนุนด้านความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกให้กับทีมบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่มาใช้บริการ

มูลนิธิเอสซีจี และกลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง ร่วมผนึกกำลัง มอบสเปรย์แอลกอฮอล์ 1 แสนขวด มูลค่า 5 ล้านบาท เพื่อให้คนไทยการ์ดไม่ตก ปกป้องตัวเองจากโควิด-19

ในวิกฤตมักมีโอกาส และเป็นโอกาสที่เราจะได้เห็นเพื่อน เห็นกลุ่มคน เห็นองค์กรที่มีความถนัดแตกต่างกัน มาร่วมมือกัน เพื่อช่วยให้ประเทศของเราผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ครั้งนี้ก็เช่นกันที่กลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง ผู้ผลิตน้ำตาลครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ร่วมมือกับมูลนิธิเอสซีจี และ เอสซีจี เอ็กซ์เพรส  ร่วมผลิตและขนส่งสเปรย์แอลกอฮอล์ขนาด 60 มิลลิลิตร จำนวน 100,000 ขวด ให้แก่สถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอสเพื่อส่งมอบสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกระทรวงแรงงานแจกจ่ายเจ้าหน้าที่ผู้เผชิญกับความเสี่ยง และผู้ใช้แรงงานที่เดินทางข้ามเขตแดนทั่วประเทศ 

ดร. อุกฤษฏ์ อัษฎาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรุ่งเรืองพลังงาน จำกัด บริษัทผู้ผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล ภายใต้กลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง กล่าวถึงจุดเริ่มต้นในการร่วมมือครั้งนี้ว่า “เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ได้ทราบข่าวถึงความขาดแคลนแอลกอฮอล์ ทางเรามองเห็นว่าโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรที่ดูแลสถานที่กักตัวชั่วคราว เปรียบเสมือนด่าหน้าที่เสียสละเพื่อทุกคน เมื่อบริษัทฯ ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิตให้ผลิตแอลกอฮอล์เพื่อทำความสะอาดได้เป็นการชั่วคราว เราจึงส่งแอลกอฮอล์ไปยังโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่ช่วยในการดูแลกักตัวกลุ่มเสี่ยงที่กลับมาจากต่างประเทศทันที ถึงตอนนี้ได้ส่งมอบแอลกอฮอล์ไปแล้วกว่า 70,000 ลิตร จากปริมาณที่ต้องการกว่า 100,000 ลิตร  ซึ่งเรายังคงทยอยส่งมอบตามความสะดวกของผู้มารับให้ได้ครบจำนวนที่ต้องการ ส่วนหนึ่งเราต้องขอบคุณหลายๆ บริษัทเช่นเดียวกันที่สนับสนุนถังบรรจุและกลีเซอรอลในช่วงแรก  ซึ่งขณะนั้นหาซื้อได้ลำบาก จนเราสามารถส่งมอบแอลกอฮอล์ไปให้กับโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ ได้กว่าร้อยแห่ง”

“มาถึงตอนนี้ หลังจากการขาดแคลนแอลกอฮอล์ที่โรงพยาบาลเบาบางลงแล้วเป้าหมายต่อไปของคนไทยทุกคน คือ ป้องกันไม่ให้โควิด-19 กลับมาอีก ซึ่งเราเชื่อว่ายังมีคนไทยบางส่วนยังไม่สามารถเข้าถึงแอลกอฮอล์ จึงร่วมกับมูลนิธิเอสซีจีผลิตแอลกอฮอล์แบบสเปรย์ ขนาดพกพา เพื่อให้คนไทยร่วมกันรักษาสุขอนามัยอย่างต่อเนื่อง ไม่ประมาท และช่วยกันหยุดโควิด-19 ไม่ให้กลับมาอีก” ดร. อุกฤษฏ์ กล่าว

ด้าน คุณยุทธนา เจียมตระการ กรรมการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า “ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการช่วยเหลือและปกป้องบุคลากรทางการแพทย์จากความเสี่ยงในการติดเชื้อ ด้วยการส่งมอบนวัตกรรมป้องกันโควิด-19 ให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศด้วยงบประมาณกว่า 60 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นห้องตรวจเชื้อแบบเคลื่อนที่ แคปซูลเคลื่อนย้ายผู้ป่วย อุปกรณ์ครอบศีรษะคนไข้เพื่อลดการฟุ้งกระจายสำหรับงานทันตกรรม อีกทั้งยังได้ส่งมอบชุดอุปกรณ์ปฏิบัติหน้าที่เพื่อแทนความห่วงใยและคำขอบคุณไปยังอาสาสมัครสาธารณสุข ประจำหมู่บ้าน (อสม.) เหล่าฮีโร่จิตอาสา จำนวน 600 ชุดด้วย”

“สถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยดูเหมือนว่าจะมียอดผู้ติดเชื้อลดลง แต่เราก็ยังประมาทไม่ได้ การ์ดต้องไม่ตก มูลนิธิเอสซีจีและกลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง จึงได้ร่วมมือผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ มอบให้กับกระทรวงแรงงานและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ และประชาชนซึ่งมีความเสี่ยงในการติดโรคระบาด เพราะต้องพบปะกับผู้ที่เดินทางข้ามเขตแดนจำนวนมากในแต่ละวัน จึงนับเป็นอีกหนึ่งกลุ่มงานที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละนับแต่มีการระบาดของโรค พร้อมกันนี้ จะแจกจ่ายแอลกอฮอล์ให้กับกลุ่มแรงงาน โดยจะกระจายไปยังกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ และเขตปริมณฑล  กรมการจัดหางาน ด่านตรวจคนหางาน และสำนักงานจัดหางานทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และช่วยให้การเข้าออกประเทศเป็นไปอย่างปลอดภัยมากขึ้น  โดยได้รับความร่วมมือจากเอสซีจี เอ็กซ์เพรส ขนส่งแอลกอฮอล์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และที่สำคัญ ขอขอบคุณสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส ที่ร่วมเป็นสื่อกลาง ให้เกิดการเชื่อมต่อและส่งมอบความปลอดภัยให้กับคนไทยในครั้งนี้” คุณยุทธนา กล่าว   

นอกจากการมอบแอลกอฮอล์ดังกล่าวแล้ว  กลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง และมูลนิธิเอสซีจียังมีแผนแจกจ่ายสเปรย์แอลกอฮอล์อีก จำนวน 100,000 ขวด ให้แก่กลุ่มผู้ขาดโอกาสต่างๆ ในสังคม ได้แก่ กลุ่มผู้พิการทางสายตา โรงเรียนสอนคนตาบอด และกลุ่มพี่น้องประชาชนในชุมชนแออัดที่เข้าถึงสเปรย์แอลกอฮอล์ยาก เพื่อสุขอนามัยที่ดี และช่วยลดการระบาดรอบที่ 2  

ทั้งนี้ แม้ภาพรวมการระบาดในประเทศไทยจะน้อยลง แต่ก็ยังไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เพราะสถานการณ์ทั่วโลกยังมีการระบาดต่อเนื่อง จึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันของคนไทยทุกคนที่จะช่วยกันดูแลตัวเอง เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง มูลนิธิเอสซีจี และ เอสซีจี เอ็กซ์เพรส หวังว่าทุกคนจะปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19 แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน